top of page

หนึ่งฤดูกาลชีวิต 'พิศวง'

Updated: Oct 11

สุพิตา เริงจิต

ภายใต้การสนับสนุนของ Thai PBS


ภาพป่าของอุทยานแห่งชาติศรีพังงา
ภาพป่าของอุทยานแห่งชาติศรีพังงา

แม้จะมีชีวิตแสนสั้นเพียงไม่กี่วัน ในช่วงฤดูฝน


แต่โลกใบจิ๋วของพืชหน้าตาท้าจินตนาการ สูงไม่เกิน 5 เซ็นติเมตร  งดงามน่าทึ่งไม่แพ้ไม้ใหญ่ยืนต้นผ่านร้อนหนาวมานับศตวรรษ

 

ในป่าร้อนชื้นที่หนาทึบจนแสงยากจะส่องถึงพื้นดิน ใต้กองใบไม้ทับถมที่อุดมด้วยเห็ดรา ‘พิศวง’  วิวัฒนาการขึ้นภายใต้สภาพแวดล้อมนี้ โดยละทิ้งการสังเคราะห์แสง หันไปอาศัยอาหารจากรา เป็นหนึ่งในปรากฏการสำคัญทางชีววิทยาที่พบได้น้อยในพืชดอก


พิศวงศรีพังงาในกองใบไม้
พิศวงศรีพังงาในกองใบไม้

“พืชที่สังเคราะห์แสงไม่ได้ อาศัยร่วมกับรา แต่ไม่เป็นพืชเบียน ไม่ได้มีแค่พิศวง ยังมีพืชอื่นๆ อย่างกล้วยไม้ มอสบางชนิดก็ไม่มีคลอโรพลาส แต่ที่น่าสนใจก็คือ สมาชิกทั้งหมดในกลุ่มพิศวงไม่สามารถสังเคราะห์แสงได้ ต่างจากกลุ่มอื่น เช่น กล้วยไม้ ที่มีทั้งชนิดสังเคราะห์แสงได้และสังเคราะห์ไม่ได้” รศ.ดร.สหัช จันทนาอรพินท์ อาจารย์สาขาวิทยาศาสตร์ชีวภาพ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เล่าถึงความพิเศษของพืชที่ไม่ค่อยมีการบันทึกและศึกษา เนื่องจากความยากในการพบเห็น  

 

ส่วนเขาเข้าสู่โลกของพิศวง จากการออกไปศึกษามอสในช่วงฤดูฝน ทำให้ได้พบกับพืชชนิดนี้และศึกษาต่อเนื่องมา โดยมีแรงดึงดูดสำคัญคือ “โครงสร้างดอกที่แปลก ไม่เหมือนพืชกลุ่มอื่น” และ โครงสร้างดอกที่มีมากมายหลากหลายรูปแบบ เป็นหนึ่งในรหัสไขความลับชวนพิศวงของพืชชนิดนี้


พิศวงศรีพังงา

 

ใต้ร่มไม้ห่างจากน้ำตกไม่กี่ร้อยเมตร กลุ่มพิศวงที่บางมุมดูคล้ายนกฮูกแทรกตัวขึ้นจากกองใบไม้ ด้วยลำต้นบอบบางความสูงไม่เกิน 5 เซ็นติเมตร ในป่าใหญ่ ยากจะสังเกตเห็น


ขนาดของพิศวง
ขนาดของพิศวง

“ต้องพยายามมองหา บางครั้งเจอตอนนั่งพัก เจอแล้วก็จะทำเครื่องหมายไว้ ส่วนใหญ่จะอยู่ไม่ไกลจากที่เคยเจอในปีก่อนๆ“  เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าอุทยานแห่งชาติศรีพังงา หน่วยน้ำตกสวนใหม่ เล่าขณะชี้เป้าที่เราไม่อาจหาเจอด้วยตัวเอง

 

ฤดูฝนที่ยาวนานของปีนี้ ส่งผลให้พิศวงหลายชนิดครองพื้นที่โซเซียลมีเดียมากและนานกว่าทุกปี เช่นเดียวกับที่เป็นปีแรกที่มีผู้มาเยือนน้ำตกสวนใหม่ ด้วยเป้าประสงค์จะชมพิศวงชนิดใหม่ ซึ่งมีให้เห็นหลายจุดไม่ไกลจากที่ทำการอุทยานฯ


พิศวงศรีพังงาบริเวณน้ำตกสวนใหม่
พิศวงศรีพังงาบริเวณน้ำตกสวนใหม่

“เราเจอพิศวงตัวนี้ ตั้งแต่เมื่อราว 6-7 ปีก่อน แต่อยู่ในเขตป่าลึก” อับดุลมาลิก หะสะเล็ม หัวหน้าหน่วยฯ น้ำตกสวนใหม่ ให้ข้อมูลเพิ่มเติม  “ตอนนี้ยังไม่มีชื่อ เรียกกันลำลองว่าพิศวงศรีพังงาตามชื่ออุทยาน ต้องรอทางผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบดีเอ็นเอ”

 

“พิศวงที่น้ำตกสวนใหม่คล้ายกับพิศวงเขาหลักมาก ทำให้ไม่มั่นใจว่าที่ต่างกัน เพราะสภาพแวดล้อมหรือเป็นคนละชนิดกันจริงๆ ต้องมีพิศวงเขาหลักมายืนยัน เปรียบเทียบ” รศ.ดร.สหัช นักวิชาการผู้ศึกษาวิจัยพืชกลุ่มพิศวง อธิบายเหตุที่ต้องใช้เวลานานในการนำเสนอพิศวงศรีพังงาขึ้นเป็นพืชชนิดใหม่ของโลก เนื่องจากพิศวงมีขนาดเล็กและมีเวลาอยู่บนดินในช่วงสั้นๆ ทั้งถูกบังจากใบไม้ ยากต่อการพบเห็น ทำให้หลายปีที่ผ่านมายังไม่มีตัวอย่างของพิศวงเขาหลัก

 

“ผมมีข้อมูลพิศวงเขาหลักจากการเจอเพียงครั้งเดียว (ปี 2556) ซึ่งไม่เพียงพอ เพราะดอกที่เราเจอ อาจเป็นการเจริญที่ผิดปกติ ลักษณะหนวดที่สั้น ยาวต่างกัน ผิวดอกขรุขระ หรือ อื่นๆ อาจขึ้นกับสภาพแวดล้อม จึงต้องติดตามให้ได้ข้อมูลเพียงพอที่จะชี้ชัดว่าเป็นลักษณะที่คงที่ของพิศวงชนิดนั้นๆ ไม่ได้แปรตามสภาพเงื่อนไขอื่น”  ไม่ต่างจากที่เราอาจไปเห็นดอกไม้ที่แคระเกร็น สีเพี้ยน แล้วคิดว่าเป็นคนละชนิดกับดอกที่สมบูรณ์


(ซ้ายและกลาง) พิศวงเขาหลัก ภาพของอุทยานแห่งชาติเขาหลัก-ลำรู่ (ขวา )พิศวงศรีพังงา ภาพของอุทยานแห่งชาติศรีพังงา
(ซ้ายและกลาง) พิศวงเขาหลัก ภาพของอุทยานแห่งชาติเขาหลัก-ลำรู่ (ขวา )พิศวงศรีพังงา ภาพของอุทยานแห่งชาติศรีพังงา

โชคดีที่ในปีนี้ อุทยานแห่งชาติเขาหลัก-ลำรู่ รายงานการพบพิศวงเขาหลักอีกครั้งในรอบ 12 ปี ผู้เชี่ยวชาญด้านพันธุกรรมพืช จาก มอ.ให้ความเห็นเบื้องต้นว่า “คิดว่าน่าจะต่างชนิดกัน แต่ก็ต้องทำข้อมูลดีเอ็นเอเปรียบเทียบ ซึ่งการทำข้อมูลดีเอ็นเอนอกจากยืนยันความต่างชนิดแล้ว ยังช่วยอธิบายวิวัฒนาการ เช่น ถ้ามีดีเอ็นเอใกล้กัน ก็น่าจะมีวิวัฒนาการที่ใกล้ชิดกัน” บอกให้รู้ว่า ความคล้ายคลึงของพิศวงทั้งสองชนิด มาจากความใกล้ชิดของพันธุกรรม หรือมาจากการบรรจบกันของวิวัฒนาการ

 

โลกสองใบของพิศวง

 

พิศวงเติบโตอยู่ใต้ดิน จะโผล่ขึ้นมาเหนือดินเฉพาะช่วงผลิดอกออกผลเท่านั้น ด้วยเหตุที่ไม่สามารถสร้างอาหารเองได้ พืชชนิดนี้สร้างหลักประกันความอยู่รอดโดยจับคู่วิวัฒนาการทั้งบนดินและใต้ดิน

 

“ส่วนที่โผล่พ้นดินขึ้นมา ที่เราเห็นมีรูปร่างต่างๆ กัน บางอันคล้ายนกฮูก บางอันเหมือนมีหนวด คล้ายตัวการ์ตูน หรือคล้ายโคมไฟ ส่วนนั้นเป็นส่วนของดอก”  รศ.ดร.สหัช อธิบายถึงลักษณะดอกของพิศวง ที่ทั้งแปลกและหลากหลายรูปแบบ แม้จะอยู่ในสกุลเดียวกัน “สิ่งที่ทำให้ดอกของพืชกลุ่มนี้มีรูปร่างที่หลากหลาย น่าจะเป็นการวิวัฒนาการร่วมกับแมลงที่ทำหน้าที่ผสมเกสร เนื่องจากดอกพิศวงมีขนาดเล็ก อยู่ติดพื้นดิน จึงไม่ค่อยดึงดูดแมลงที่ทำหน้าที่ผสมเกสรทั่วไป น่าจะต้องเฉพาะเจาะจงกับแมลงบางกลุ่ม” โครงสร้างดอกของพิศวงที่ต่างกันจึงเป็นผลจากการวิวัฒนาการเพื่อจับคู่เฉพาะเจาะจงกับแมลงบางกลุ่มในพื้นที่ “อย่างในภาคใต้ลักษณะของดอกจะเป็นเแบบหนึ่ง พิศวงที่อื่นก็มีรูปร่างอีกแบบ หรือที่ต่างกันชัดเจน อย่างพิศวงที่เจอในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กับในอเมริกาใต้”


พิศวงเขาบรรทัด ภาพของอุทยาน
พิศวงเขาบรรทัด ภาพของอุทยาน

ท่ามกลางความหลากหลาย ดอกของพิศวงอาจแยกได้เป็น 2 รูปแบบหลักๆ คือ โครงสร้างดอกแบบปิดและแบบเปิด “พิศวงตานกฮูก ที่มีโครงสร้างดอกเหมือนมีมงกุฎปิดด้านบน จะจำกัดขนาดแมลงที่เข้าไปผสมละอองเรณูด้านใน  ส่วนพิศวงชวา พิศวงหนวดแดง โครงสร้างดอกจะเปิด มีระยางหกเส้นกางออกมา ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่รูปแบบทั้งสอง จะมีวิวัฒนาการมากับแมลงคนละชนิด”


พิศวงขาวรูปแบบดอกแบบเปิด ภาพของอุทยานแห่งชาติศรีพังงา
พิศวงขาวรูปแบบดอกแบบเปิด ภาพของอุทยานแห่งชาติศรีพังงา

นอกจากนี้ ส่วนใหญ่พิศวงแต่ละต้นสามารถสร้างดอกได้หลายดอก “แต่ดอกจะทยอยบาน หลังดอกเก่าร่วงไป ดอกใหม่จึงจะบานออกมาจากตาด้านข้าง” ส่งผลให้ช่วงเวลาของการติดดอกล่อแมลงนานขึ้น เพิ่มโอกาสในการติดเมล็ดและจำนวนของเมล็ดที่มากขึ้น


พิศวงขาว ประกอบด้วยดอกบาน ดอกที่ติดเมล็ดแล้ว และตาด้านข้างที่จะมีดอกต่อไป ภาพของอุทยานแห่งชาติศรีพังงา
พิศวงขาว ประกอบด้วยดอกบาน ดอกที่ติดเมล็ดแล้ว และตาด้านข้างที่จะมีดอกต่อไป ภาพของอุทยานแห่งชาติศรีพังงา

อย่างไรก็ตาม “ถ้าไม่มีแมลงมาผสมเกสร มีการทดลองที่แสดงให้เห็นว่าเกสรของพิศวงสามารถผสมกันได้เอง แต่เปอร์เซ็นต์การติดเมล็ดจะน้อยกว่า” นักวิจัยพิศวงอธิบายหลักประกันการติดเมล็ดด่านสุดท้าย

 

การปรับตัวของพิศวงบนดิน จึงทั้งซับซ้อนและน่าทึ่ง แต่เรื่องราวชีวิตใต้ดินก็ชวนให้ประหลาดใจไม่น้อยกว่ากัน


ree

 

อยู่กับรา

 

“ลำต้นของพิศวงจะมีสองส่วน ส่วนที่ชูดอกขึ้นมาคือลำต้นเหนือดิน ซึ่งแต่ละชนิดมีลำต้นสั้นยาวไม่เท่ากัน เช่น พิศวงไทยทองลำต้นสั้นมาก บางชนิดลำต้นยาว เช่น พิศวงเขาใหญ่ อีกส่วนเป็นลำต้นใต้ดินมีลักษณะเป็นหัว หรือเป็นเหง้าทอดนอน หรือหัวกลมๆ ” รศ.ดร.สหัช อธิบาย “ส่วนใบลดรูป มีลักษณะคล้ายเกล็ด ทำหน้าที่ป้องกันเนื้อเยื่อเจริญตรงยอด” ทั้งนี้ก็เพราะพิศวงเป็นพืชดอกที่ละทิ้งการสังเคราะห์แสง จึงไม่มีใบสีเขียวที่มีคลอโรฟิลทำหน้าที่สร้างอาหาร


องค์ประกอบทั้งหมดของพิศวงศรีพังงา ส่วนรากจะมีรากรูปร่างคล้ายปะการัง ภาพของ รศ.ดร.สหัช จันทนาอรพินท์
องค์ประกอบทั้งหมดของพิศวงศรีพังงา ส่วนรากจะมีรากรูปร่างคล้ายปะการัง ภาพของ รศ.ดร.สหัช จันทนาอรพินท์

“ในระบบนิเวศน์ที่มีแสงค่อนข้างน้อย ซากใบไม้ทับถมมาก ปริมาณแสงไม่เพียงพอ พืชกลุ่มหนึ่งปรับตัวให้อยู่รอด โดยไม่สังเคราะห์แสง แต่ดำรงชีวิตโดยอยู่ร่วมกับรา” ผู้เชี่ยวชาญพืชกลุ่มพิศวงอธิบายสมมติฐานที่พิศวงเป็นพืชอาศัยรา  “นอกจากรา ผู้วิจัยในทีมยังเจอแบคทีเรียที่อาศัยในรากของพืชกลุ่มนี้ด้วย พวกรากับแบคทีเรียช่วยทำหน้าที่ลำเลียงอาหารจากพืชที่มีการสังเคราะห์แสงบริเวณนั้น จะมีเส้นใยราเป็นเส้นทางเชื่อมต่อระหว่างพืชสีเขียวกับพืชกลุ่มนี้ ส่วนแบคทีเรียทำหน้าที่บางอย่างที่พืชทำไม่ได้ และต้นพืชให้อะไรบางอย่าคืนไปกับราและแบคทีเรีย” ซึ่งในเวลานี้ยังไม่มีข้อมูลชัดเจนว่าคืออะไร


พิศวงศรีพังงางอกขึ้นมาในเปลือกลูกยาง
พิศวงศรีพังงางอกขึ้นมาในเปลือกลูกยาง

ส่วนที่ว่าพิศวงวิวัฒนาการร่วมกับราเฉพาะชนิดเช่นเดียวกับที่จับคู่กับแมลงหรือไม่นั้น รศ.ดร.สหัช สรุปจากข้อมูลที่มีอยู่ในเวลานี้ว่า “อาจมีความเฉพาะของราที่อาศัยอยู่ด้วยกัน  แต่ไม่ได้เฉพาะเจาะจงมาก ราชนิดเดียวกันอาจเจอในพิศวงคนละชนิด ส่วนแมลง พบว่า พิศวงบางชนิดของไทยที่เคยติดตามศึกษาเรื่องแมลงที่ช่วยผสมเกสร โดยใช้กล้องบันทึกภาพ ก็เจอแมลงที่คล้ายกันมากกับพิศวงที่ศึกษาในฮ่องกง แต่ไม่แน่ชัดว่าจะชนิดเดียวกันหรือไม่ เพราะมันไวมากจนเราจับไม่ได้” ทั้งนี้แมลงหวี่เชื้อราที่เป็นคู่ของพิศวง มีอยู่ทั่วไปบนพื้นป่า และมักพบบินอยู่ใกล้ซากใบไม้ มีขนาดเล็กมาก ประมาณ 1 มม. ยากต่อการสังเกต


ree

การจับคู่แบบเฉพาะเจาะจงทั้งบนดินและใต้ดินของพิศวง เป็นหลักประกันของแหล่งอาหารและการผสมเกสร แต่ในขณะเดียวกันการขึ้นอยู่กับคู่ ส่งผลต่อความสามารถในการปรับตัว พิศวงจึงเลือกจับคู่กับราและแมลงที่มีอยู่จำนวนมากในบริเวณนั้น และอาจเป็นเหตุผลที่พิศวงในอาณาบริเวณใกล้เคียงกันมีลักษณะคล้ายกัน


พิศวงดำ ภาพของอุทยานแห่งชาติศรี
พิศวงดำ ภาพของอุทยานแห่งชาติศรี

 

“อย่างพิศวงภูวัว กับพิศวงที่พบที่เขาใหญ่กับเกาะช้าง ถ้าดูวิวัฒนาการจะเห็นว่ามีความใกล้ชิดกัน และมีสมาชิกในกลุ่มที่มีความสัมพันธ์ทางวิวัฒนาการใกล้ๆ กันประมาณ 6-7 ชนิด  ทั้งหมดจะอยู่ในภาคอีสาน มีเพียงชนิดเดียวคือ พิศวงดำ ที่พบลงมาถึงอุทยานศรีพังงา ส่วนพิศวงกลุ่มที่พบทางภาคใต้ก็จะมีความคล้ายกัน จึงมีความเป็นไปได้ว่าระบบนิเวศทำให้เกิดกลุ่มวิวัฒนาการที่ต่างกันในแต่ละภูมิภาค”

 

เส้นทางวิวัฒนาการ

 

พิศวงส่วนใหญ่มีการกระจายตัวแคบๆ อาจจะเป็นด้วยการจับคู่วิวัฒนาการกับราเฉพาะถิ่น ทำให้พิศวงกลายเป็นพืชเฉพาะถิ่นไปด้วย แต่มีพิศวงบางชนิดที่กระจายตัวในอาณาบริเวณกว้างมาก  เป็นที่มาของสมมติฐานเส้นทางวิวัฒนาการ 


พิศวงชวาหรือพิศวงรยางค์ ดอกตูมและบานเห็นรยางค์ยาว 3 เส้นภาพจากอุทยานแห่งชาติทะเลบัน ถ่ายโดย บุญฤทธิ์ เดโชไชย
พิศวงชวาหรือพิศวงรยางค์ ดอกตูมและบานเห็นรยางค์ยาว 3 เส้นภาพจากอุทยานแห่งชาติทะเลบัน ถ่ายโดย บุญฤทธิ์ เดโชไชย

“อย่างที่เราทราบกันว่า แผ่นเปลือกโลกเคยเชื่อมเป็นผืนเดียวกัน ก่อนจะแยกเป็นทวีปต่างๆ ในเวลาต่อมา ด้วยเหตุนี้ พืชที่เกิดก่อนแผ่นเปลือกโลกจะแยกกัน เจอได้ในหลายทวีป และเมื่อแยกออกไปพืชก็จะปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ ส่วนชนิดเดิมอาจอยู่ไม่ได้ กลุ่มใหม่ไม่ได้กลับมาผสมกับกลุ่มเดิม นานเข้าก็แยกเป็นคนละชนิด เกิด speciation (แยกสปีชีส์)

 

“สำหรับพิศวงการแยกชนิดเกิดขึ้นเมื่อไม่นานมากนัก เพราะพิศวงที่พบตามเกาะต่างๆ เป็นคนละชนิดกัน ยกเว้นพิศวงชวาที่เจอครั้งแรกในชวา พบในหลายที่ ขึ้นสูงมาจนถึงภูลังกาของไทย และในลาว จึงเป็นไปได้ที่พิศวงชวาเกิดขึ้นมาในช่วงเวลาที่แผ่นดินทางตอนใต้กับเกาะต่างๆ ยังเป็นผืนแผ่นดินที่เชื่อมกัน”  ทั้งนี้ในยุคน้ำแข็ง ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จากอ่าวไทยไปถึงอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ ยังเชื่อมกันด้วยบริเวณที่เรียกว่าซุนดาแลนด์(Sundaland) ก่อนที่น้ำแข็งละลาย (ยุคน้ำแข็งสุดท้าย อายุราว 18,000-25,000 ปีก่อน) ทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้นท่วมบริเวณซุนดาแลนด์ เกิดเป็นอ่าวไทย ส่วนแผ่นดินทางตอนใต้ของไทย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ แยกจากกันเป็นคาบสมุทรและเกาะต่างๆ

 

“ แน่นอนที่เราไม่รู้ว่าเกิดวิวัฒนาการแบบนี้จริงหรือไม่ แต่จากหลักฐานการกระจายตัวของพิศวงชวา ซึ่งเป็นชนิดเดียวที่กระจายกว้างและพบในที่ห่างไกลกัน ในขณะที่พิศวงที่เป็นญาติตามเกาะต่างๆ บางชนิดไม่เจอที่อื่นเลย หรือกระจายในบริเวณแคบๆ จึงน่าจะวิวัฒนาการขึ้นมาหลังยุคน้ำแข็ง”


ree


 ความเสี่ยงต่อการสูญพันธ์

 

อย่างไรก็ตาม ในโลกยุคใหม่วิวัฒนาการซับซ้อนของพิศวงถูกท้าทายอย่างหนัก จากกิจกรรมของมนุษย์ที่ทำลายถิ่นฐานธรรมชาติ ในขณะที่การศึกษาพืชชนิดนี้ก้าวตามไม่ทัน

 

พิศวงส่วนใหญ่เป็นพืชประจำถิ่นพบได้ในบริเวณจำกัด ทั้งยังมีจำนวนประชากรน้อยมาก เช่น พิศวงเขาหลัก พบเฉพาะที่อุทยานแห่งชาติเขาหลัก-ลำรู่ และปีนี้พบเพียง 2 ต้นเท่านั้น หลังจากไม่พบมา 12 ปี นับจากการพบครั้งแรกในปี  2556

 

“หลังจากนั้น ผมไปตามแทบทุกปี ในช่วงวันที่เคยเจอ แต่มันอาจจะไม่ได้ออกตอนนั้น  หรืออาจไม่สร้างดอกทุกปีก็ได้ หรืออาจเลื่อนตำแหน่งก็ได้ เพราะผมไปจุดเดิมแล้วไม่เจอ จุดที่เจ้าหน้าที่อุทยานฯ เจอปีนี้เป็นจุดอื่น เพราะเมล็ดพิศวงสามารถกระจายตามน้ำฝนหรือน้ำหลากไปงอกไกลจากเดิม ส่วนต้นเดิมอาจจะไม่ได้สร้างดอกทุกปี เราเลยไม่เห็น หรืองอกแล้วแล้วอยู่ใต้ดิน มีปัจจัยหลายอย่าง” รศ.ดร.สหัช เล่าถึงการศึกษาพืชสกุลพิศวง 

 

อีกทั้งพิศวงมีขนาดเล็กมากและโผล่ขึ้นมาบนดินในช่วงสั้นๆ ทั้งหมดทำให้การศึกษาวิจัยพืชชนิดนี้เป็นไปอย่างยากลำบาก จนถึงปัจจุบัน มีพิศวงเพียงไม่กี่ชนิด ที่พบมากกว่า 3 พื้นที่ ส่วนใหญ่พบหรือเก็บตัวอย่างได้เพียงครั้งเดียวหรือ 2-3 ครั้งเท่านั้น พืชสกุลพิศวงส่วนใหญ่จึงถือเป็นพืชเฉพาะถิ่น หายาก และใกล้สูญพันธุ์อย่างยิ่ง ตามเกณฑ์ของของ IUCN (International Union for Conservation of Nature)

 


พิศวงสีส้ม ที่ดูคล้ายโคมไฟ ภาพของอุทยานแห่งชาติศรีพังงา
พิศวงสีส้ม ที่ดูคล้ายโคมไฟ ภาพของอุทยานแห่งชาติศรีพังงา

ในประเทศไทยก็มีรายงานการค้นพบพิศวงชนิดใหม่และถือเป็นพืชชนิดใหม่ของโลกหลายชนิด โดยเฉพาะในช่วงสิบปีหลัง เช่น  พิศวงเขาใหญ่ พิศวงไทยทอง พิศวงร่องกล้า พิศวงเขาหลัก  ทั้งยังมีหลายชนิดที่รอการตรวจสอบและตั้งชื่อ

 

“การเกิดชนิดใหม่(Speciation) ของพิศวงมีมานานแล้ว เพียงเราเพิ่งไปพบ ตอนนี้ด้วยนโยบายอุทยานที่มีการลาดตระเวนเชิงคุณภาพ(smart patrol) ทำให้มีการสำรวจพื้นที่ถี่ขึ้นและครอบคลุมพื้นที่มากขึ้น เจ้าหน้าที่ได้ดูรายละเอียดในพื้นที่มากขึ้น ทำให้เจอพิศวงรวมทั้งสิ่งมีชีวิตอื่นมากขึ้น สำหรับปีนี้ฝนเยอะ ทำให้เจอพิศวงหลายชนิด และเจ้าหน้าที่รู้จักพิศวงมากขึ้นด้วย ก็ช่วยกันสังเกต ซึ่งต้องขอบคุณเจ้าหน้าที่” ผู้เชี่ยวชาญพืชสกุลพิศวง เล่าที่มาของข้อมูลสำหรับการศึกษาวิจัยเพื่อหาคำตอบกับปริศนาอีกมากของพืชชนิดนี้


“พิศวงเป็นตัวอย่างของวิวัฒนาการร่วม แต่เราไม่รู้ว่าพืชให้อะไรกลับคืนระบบนิเวศ มีอีกหลายเรื่องที่เรายังไม่เข้าใจธรรมชาติ


“อย่างถ้าเราบอกว่าพิศวงปรับตัวเพื่ออยู่ในที่แสงน้อยและชื้น ทำไมบางชนิดพบในที่ค่อนข้างแห้ง  อย่างพิศวงไทยทอง ที่ดอยหัวหมด ก็ขึ้นในป่าเต็งรังที่ค่อนข้างแห้ง เพียงแต่ฤดูฝนจะมีน้ำเยอะ และมักพบอยู่ใกล้ลำธาร แต่ก็เป็นลำธารที่ฤดูแล้งไม่มีน้ำเลย เช่น เดียวกับพิศวงอื่นๆ ในภาคอีสานที่มีฤดูแล้งที่แห้งมาก ต่างกับภาคใต้ แต่ก็ยังพบพิศวงได้”

 

ในส่วนของวงจรชีวิตที่มีช่วงเวลาอยู่บนดินและใต้ดิน “ยังไม่มีงานวิจัยว่าแต่ละช่วงใช้เวลาเท่าไร เป็นวงจรที่เกิดขึ้นในปีเดียวไหม อย่างเราพบพิศวงที่มีรากอยู่บนฮิวมัสตื้นๆ กลุ่มนี้อาจเป็นพวกโตเร็ว ส่วนพิศวงที่มีรากลึกในดินอาจจะมีการพักตัวมากกว่าหนึ่งปีหรือเปล่า อันนี้เป็นสมมติฐาน คิดว่าจะลองเพาะเมล็ด ที่เรายังจะต้องศึกษาว่า การงอกต้องอาศัยราในระบบนิเวศหรือไม่ นี่ก็เป็นอีกคำถาม”

 

เหตุที่เราควรจะได้รู้จักกัน

 

อาจจะนับหมื่นหรือกระทั่งหลายสิบล้านปี ที่พิศวงบานและร่วงโรย โดยไม่อยู่ในสายตามนุษย์ ความรู้เกี่ยวกับพืชเล็กจิ๋วหายาก ที่บางชนิดมีอยู่ไม่กี่ต้นในโลก มีความหมายอย่างไร 


ในป่าลึกที่ชุมชื้นและแสงน้อย อาจมีพิศวงที่เรายังไม่รู้จัก ภาพของอุทยานแห่งชาติศรีพังงา
ในป่าลึกที่ชุมชื้นและแสงน้อย อาจมีพิศวงที่เรายังไม่รู้จัก ภาพของอุทยานแห่งชาติศรีพังงา

“พิศวงไม่ได้มีมูลค่าเหมือนพืชเศรษฐกิจ ต่อให้พบว่ามีสารอะไรที่สำคัญมาก วัตถุดิบชนิดนี้ก็น้อยเกินกว่านำไปใช้ประโยชน์ ถ้าจะมองในแง่เศรษฐกิจ ความรู้จากการศึกษาพิศวงสามารถเอาไปปรับใช้กับพืชเศรษฐกิจได้” นักชีววิทยาจาก ม.อ. ตอบคำถามประเด็นเศรษฐกิจ และเพิ่มเติมว่า ในโลกชีววิทยา องค์ความรู้จากนิเวศเล็กๆ ของพิศวงมีความหมายมากกว่านั้น

 

“ โครงสร้างดอกที่ซับซ้อนต่างจากดอกไม้อื่นๆ ทั่วๆ ไป การศึกษาทำให้เข้าใจว่าส่วนต่างๆ คืออะไร เทียบเท่าส่วนไหนกับพืชดอกปกติ ซึ่งช่วยให้เราเห็นวิวัฒนาการ อย่างพิศวงเอเชียที่อยู่ในฝั่งโลกเก่าเกสรเพศผู้เชื่อมกัน แต่พิศวงในอเมริกาใต้เกสรเพศผู้จะแยกกัน ถ้าเรานำข้อมูลมาเชื่อมกับการเคลื่อนตัวของแผ่นเปลือกโลก จะเห็นวิวัฒนาการของพืชที่เคยมีบรรพบุรุษร่วมกัน ในแง่ชีววิทยา ทำให้เราอธิบายเรื่องวิวัฒนาการ หรือเข้าใจกลไกของวิวัฒนาการมากขึ้น”

 

ส่วนว่าความเข้าใจกลไกวิวัฒนาการมีความหมายอย่างไรนั้น “สิ่งหนึ่งที่เราศึกษาทางชีววิทยา คือ การเกิดของสิ่งมีชีวิต การวิวัฒนาการ ซึ่งเราสามารถนำไปปรับใช้ในหลายรูปแบบ ตัวอย่างง่ายๆ เรื่องการฟื้นระบบนิเวศ ถ้าเราเข้าใจกลไกของวิวัฒนาการ บางอย่างเราไม่ต้องไปทำอะไร เช่น การปลูกป่าในป่า เพราะทำไปแทนที่จะส่งผลดี อาจส่งผลกระทบที่เราไม่รู้”

        

“ถ้าเรามีความรู้ว่าพืชไม่ใช่แค่เอาไปปลูกก็จบ อย่างพืชอาศัยรา ต้องมีรา มีจุลินทรีย์ในดินที่อยู่ร่วมกันจึงจะอยู่รอดได้ การเอาต้นไม้ที่ไหนไม่รู้ไปปลูก แม้แต่พืชที่สังเคราะห์แสงสร้างอาหารเองได้ แต่ถ้าเราไม่รู้ความสัมพันธ์ของพืชกับจุลินทรีย์ในดิน มีโอกาสไม่ประสบความสำเร็จ ยิ่งไปกว่านั้นคือ อาจสร้างปัญหาในอนาคตที่เราคาดเดาไม่ได้ เช่น ต้นไม้ที่เอาไปปลูกอาจทำลายจุลินทรีย์ในดิน ทำให้พืชบางกลุ่มเกิดขึ้นมาไม่ได้ ทั้งหมดนี้หมายถึงการปลูกป่าในพื้นที่ป่า ไม่ใช่การปลูกในพื้นที่ทำการเกษตร”


ต้นไทรใหญ่ในบริเวณป่าฟื้นฟูใหม่ที่พบพิศวงศรีพังงา
ต้นไทรใหญ่ในบริเวณป่าฟื้นฟูใหม่ที่พบพิศวงศรีพังงา

ทั้งนี้ในระบบนิเวศของป่า หลายชีวิตมีความสัมพันธ์เชื่อมโยงหรือมีวิวัฒนาการร่วมกันมา “ถ้าเราไปทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง แน่นอนว่าทำให้เกิดผลกระทบบางอย่าง เพียงแต่บางครั้งเราไม่รู้ว่ามีผลกระทบ ในทางกลับกัน ถ้าเราปล่อยให้ธรรมชาติฟื้นฟูตัวเอง อย่างตรงหน่วยสวนใหม่ ที่เจอพิศวงเยอะ ๆ ในปีนี้ เดิมนานมาแล้วมีการทำสวนยาง แต่ปัจจุบันนี้มีการทำความเข้าใจกับชาวบ้าน ไม่มีการบุกรุกพื้นที่ป่าเพิ่ม ปล่อยไว้ระบบนิเวศก็ฟื้นฟู เราก็เจอพิศวงได้ แต่ถ้าเราปรับปราบพื้นที่จนเรียบ แล้วปลูกป่าก็ไม่แน่ใจว่าจะมีพิศวงไหม” รศ.ดร.สหัช สรุป

 

พลังธรรมชาติ

 

“ผมว่าในป่า ไม่มีอะไรที่น่ากลัวกว่ามนุษย์อีกแล้ว” อับดุลมาลิก หัวหน้าหน่วยพิทักษ์ฯ อุทยานแห่งชาติศรีพังงา ที่ ศง.1 (น้ำตกสวนใหม่)  ยืนยันจากประสบการณ์พิทักษ์ป่ามากกว่า 20 ปี และต้องเข้าไปถึงส่วนที่ลึกที่สุดของป่า


ระบบนิเวศบนต้นไม้ป่าชั้นใน ภาพของอุทยานแห่งชาติศรีพังงา
ระบบนิเวศบนต้นไม้ป่าชั้นใน ภาพของอุทยานแห่งชาติศรีพังงา

ภาพจากการลาดตระเวนเชิงคุณภาพ ในเขตป่าส่วนลึกที่ใช้เวลาในการเดินทางถึง 4 วัน 3 คืน เปิดให้เห็นต้นไม้ขนาดใหญ่ที่สมบูรณ์ ชุ่มชื้นกระทั่งมีนิเวศเล็กๆ อยู่บนต้น เป็นความงามที่ธรรมชาติสร้างสรรค์ขึ้นในเวลาราว 100 ปี ที่ผ่านมา

 

            “เราจะเข้าไปสำรวจเก็บข้อมูลปีละหนึ่งครั้ง เป็นจุดเข้าถึงลำบาก และเป็นเส้นทางเดินของสัตว์ บริเวณนี้เป็นพื้นที่สีแดงเข้ม ห้ามไม่ให้ทำกิจกรรมใดๆ เพื่ออนุรักษ์ ป้องกันผลกระทบต่อระบบนิเวศ” หัวหน้าหน่วยน้ำตกสวนใหม่ เล่าภารกิจ และให้ข้อมูลว่าพื้นที่บริเวณนี้ไม่ใช่พื้นที่ป่าดั้งเดิม “เคยมีการทำเหมืองแร่สองครั้ง ครั้งแรกราว 100  ปีก่อน สมัยพระอร่ามสาครเขต ต่อมาก็เมื่อเกือบ 70 ปี ก่อน สมัยจอมพลสฤษดิ์”  กาลเวลาผ่านไป ป่าคืนกลับสู่ความสมบูรณ์อีกครั้ง เหลือเพียงซากรถจี๊ปที่บอกเรื่องราวในอดีต


ความสมบูรณ์ของป่าชั้นใน ภาพของอุทยานแห่งชาติศรีพังง
ความสมบูรณ์ของป่าชั้นใน ภาพของอุทยานแห่งชาติศรีพังง

 อุทยานแห่งชาติศรีพังงาเป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่กลุ่มป่าคลองแสง-เขาสก ซึ่งอยู่ในเขตเทือกเขาภูเก็ต เป็นกลุ่มป่าที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในภาคใต้และเป็นอุทยานมรดกอาเซียน(ASEAN Heritage Park) พื้นที่ประมาณเกือบ 4 ล้านไร่  ในเขตจังหวัดพังงา ระนอง ชุมพร และสุราษฎร์ธานี

 

“อุทยานแห่งชาติศรีพังงา ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของกลุ่มป่าฯ คิดกับระนองเป็นเขตร่องมรสุม มีความชื้นสูง ทำให้ป่าอุดมสมบูรณ์ มีพืชพันธุ์หลากหลาย ทั้งพืชหายาก รวมทั้งพืชอาหารสัตว์ จึงมีสัตว์ป่าชุกชุม” อับดุลมาลิก เล่าถึงพื้นที่และเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในป่าลึก ทำนองเดียวกับที่เขาเล่าให้กับเด็กๆ ในโรงเรียนรอบๆ พื้นที่ที่ เข้ามาเรียนรู้จากครูป่าไม้

 

“พบสัตว์หลายชนิดมาก พวกสัตว์ใหญ่ก็มี สมเสร็จ เลียงผา กระทิง พวกผู้ล่าก็มี เสือดำ เสือดาว เสือลายเมฆ ถามถึงอันตราย จริงๆ แล้ว สัตว์ก็กลัวคน ในขณะเดียวกัน เราก็ต้องเตรียมความพร้อม และก็ระมัด ระวัง อย่างกระทิงบางตัวจะซุ่ม แต่บางตัวก็พาลูกหนี  กระทิงที่นี่จะไม่อยู่เป็นฝูง ตัวผู้จะอยู่ตัวเดียว ตัวเมียอยู่กับลูก เพราะภูมิประเทศเป็นเขาสลับซับซ้อน มีทุ่งหญ้าเล็กๆ บางจุด กระทิงแถวนี้จะขึ้นที่ชันได้

 

“สัตว์ส่วนใหญ่ก็ไม่ได้น่ากลัวอะไร อย่างสมเสร็จเป็นมิตรมาก มาหาถึงแคมป์ มาทั้งคืน มากินอาหารแบบไม่เกรงใจ” ส่วนว่าสัตว์ไร้เขี้ยวเล็บอย่างสมเสร็จอยู่รอดมาได้อย่างไรนั้น ”เขาเล่ากันว่า สมัยก่อน อย่างพวกนายพรานเขาจะไม่ล่าสมเสร็จ ช้างก็ด้วย ส่วนหนึ่งเขาว่าเนื้อไม่อร่อย แต่ตอนไม่มีแล้วการล่าสัตว์ เพราะเราทำความเข้าใจกับคนที่เขาอยู่รอบๆ อุทยาน ร่วมกันหาทางออกเรื่องปัญหาที่ดินทำกินกับการขยายพื้นที่อนุรักษ์ ที่สำคัญเราทำงานกับเยาวชน สร้างความยั่งยืนในการรักษาป่า ”  

 

นักวิชาการด้านชีววิทยาก็มีความเห็นในทิศทางเดียวกัน “พิศวงอาจเป็นเอกลักษณ์ของพื้นที่เหมือนบัวผุด และสามารถช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ เช่น ที่อุ้มผาง เมื่อถึงฤดูฝน ก็มีนักท่องเที่ยว นักธรรมชาติวิทยา ไปตามดูพิศวงตานกฮูก ซึ่งต้องมีการจัดการที่ดี เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศ แต่สิ่งสำคัญที่จะเป็นประโยชน์อย่างยั่งยืน คือการทำให้คนในชุมชนรู้ว่ามีทรัพยากรอะไร ที่มีคุณค่า ช่วยในการบริหารจัดการพื้นที่ ทำให้ไม่เกิดการบุกรุกป่า เพราะไม่อยากให้พื้นที่ตรงเสียหาย” และพืชหายากนี้สูญพันธุ์ไป



ส่วนเล็กมากๆ ของกลุ่มป่าคลองแสง-เขาสก ภาพของอุทยานแห่งชาติศรีพังงา
ส่วนเล็กมากๆ ของกลุ่มป่าคลองแสง-เขาสก ภาพของอุทยานแห่งชาติศรีพังงา

ทั้งนี้เมื่อสี่สิบปีก่อน กลุ่มป่าคลองแสง-เขาสก สูญเสียพื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดให้กับโครงการเขื่อนเชี่ยวหลาน ส่งผลให้สัตว์และพืชหลายชนิดหายไปจากพื้นที่ เช่น เสือโคร่ง วัวแดง รวมถึง นากจมูกขนซึ่งเป็นสัตว์หายากของโลก  ไม่นับสิ่งมีชีวิตที่สูญพันธ์ไปโดยเรายังไม่มีโอกาสได้รู้จัก

 

ฤดูพิศวง

 

“แม้ในระบบนิเวศที่มีแสงน้อย พิศวงก็มีความพยายามที่จะปรับตัวให้อยู่ได้ และไม่ได้วิวัฒนาการเดี่ยวๆ แต่วิวัฒนาการร่วมกับราและจุลินทรีย์ที่อยู่ด้วย ร่วมกับแมลงที่ผสมเกสร ทำให้เราเข้าใจมากขึ้นว่าการจะรักษาอะไรไว้ไม่ใช่แค่การปลูกหรือเก็บรักษาต้นไม้ชนิดนั้น ต้องรวมถึงระบบนิเวศด้วย ผู้เชี่ยวชาญพืชสกุลพิศวงย้ำความสำคัญ เรื่องราวของพิศวงเป็นเสมือนภาพย่อของความสัมพันธ์ที่วิวัฒนาการมาอย่างยาวนานและซับซ้อนของชีวิตต่างๆ ในระบบนิเวศ


ปีนี้พิศวงศรีพังงาบานหลายจุด ในเขตอุทยานฯ ภาพของอุทยานแห่งชาติศรีพังงา
ปีนี้พิศวงศรีพังงาบานหลายจุด ในเขตอุทยานฯ ภาพของอุทยานแห่งชาติศรีพังงา

พิศวงอย่างน้อย 5 ชนิด เท่าที่สำรวจพบ คือ พิศวงสีส้ม พิศวงดำ พิศวงขาว พิศวงเขาบรรทัด และ พิศวงศรีพังงา บอกถึงความสมบูรณ์ของผืนป่าทั้งเก่าและใหม่ในอุทยานแห่งขาติศรีพังงา

 

ในชีวิตแสนสั้น พิศวงบานประดับป่าฤดูฝน  อาจนับเป็นหนึ่งในการตอบแทนของพืชจิ๋วต่อนิเวศแวดล้อม ด้วยแรงดึงดูดต่อสายตามนุษย์ของพิศวง ที่ช่วยให้เส้นทางอนุรักษ์ทอดยาวออกไป พร้อมกับสายธารวิวัฒนาการ



ที่มาของข้อมูล

 

ผู้ให้ข้อมูลหลัก

 

รศ.ดร.สหัช จันทนาอรพินท์ ผู้เชี่ยวชาญพืชกลุ่มพิศวง อาจารย์สาขาวิทยาศาสตร์ชีวภาพ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์

 

อับดุลมาลิก หะสะเล็ม หัวหน้าหน่วยพิทักษ์ป่า อุทยานแห่งชาติศรีพังงา ที่ ศง.1 (น้ำตกสวนใหม่)

 

ข้อมูลออนไลน์

 

“เขาสก-คลองแสง” 30 ปี วันวานที่ไม่อาจหวนคืน

 

Burmanniaceae Thismia Griff. Plants of the world online

Fairy lanterns in focus

 

Phylogenetic and biogeographical analyses of Thismia (Thismiaceae) support T. malipoensis as the eighth species in China

 

 

The biogeographical history of the interaction between mycoheterotrophic Thismia (Thismiaceae) plants and mycorrhizal Rhizophagus (Glomeraceae) fungi

 

Thismia and its unusual number of specialist relationships

 

Thismia hongkongensis (Thismiaceae): a new mycoheterotrophic species from Hong Kong, China, with observations on floral visitors and seed dispersal

 

    

Comments


  • White Facebook Icon

Thanks for submitting!

© 2023 by TheHours. Proudly created with Wix.com

บริษัท บี612 วิสาหกิจเพื่อสังคม

99/16 หมู่ที่ 2 ซอยวัดลาดปลาดุก ถนนกาญจนาภิเษกตำบลบางรักพัฒนา อำเภอ บางบัวทอง 

จังหวัดนนทบุรี 11110

โทร 089-449-5695

bottom of page