top of page

ฝน เหมือง ระนอง และวัฒนธรรมกาแฟ

Updated: Oct 4

สุพิตา เริงจิต

(ภายใต้การสนับสนุนของ Thai PBS)


ree

“เลื่อนเวลานัดไหมคะ” ฉันไลน์ถาม ด้วยความเกรงใจเมื่อใกล้เวลานัดหมาย แต่ฝนยังคงกระหน่ำไม่หยุด

“คงไม่เลื่อนค่ะ ที่นี่ฝนตกแบบนี้ ปกติ” คือคำตอบจาก ยา-จันทนา ตันติเวทเรืองเดช ผู้ให้ความช่วยเหลือนัดหมายชาวหงาวรุ่นเก่ามารำลึกความหลัง และเมื่อฉันกางร่มฝ่าฝนไปถึง ‘ขุ่นฮิ้นกาแฟ’  ร้านกาแฟเก่าแก่อายุมากกว่า 70 ปี ทุกคนต่างยืนยันถึงความปกติของฝนในระนอง


“ตอนนี้ยังดีมีช่วงหยุดบ้าง สมัยผมเด็กๆ ฝนตกน่ากลัว นี่ไม่ได้เศษเสี้ยวของเมื่อก่อน ตกเป็นเดือนๆ ทั้งวันทั้งคืน เป็นอาทิตย์ไม่เห็นแสงแดด ถนนก็เป็นดิน ชุดนักเรียนนี่ เล่นๆ กันอยู่ ผงซักฟอกขึ้นฟองก็มี ชุดนักเรียนชื้น เหม็นอับ ต้องย่าง ใช้สุ่มไก่ครอบเตาถ่านไฟแดงๆ ผิงไฟพอหมาดๆ”  โกหยิน-ศิวะพร เกียรติตั้ง ย้อนความหลัง


ภาพจำลองการตากเสื้อและคั่วกาแฟ บริเวณหน้าร้านกาแฟขุ่นฮิ้น
ภาพจำลองการตากเสื้อและคั่วกาแฟ บริเวณหน้าร้านกาแฟขุ่นฮิ้น

 

ดังนั้นหัวข้อแรกของสภากาแฟ วันนี้จึงว่าด้วยการย่างชุดนักเรียน“ของผมยิ่งกว่านั้นอีก ไม่มีสุ่มไก่ ใช้เข่งใส่ถ่าน” มนัส นิธิรักขพันธ์ เจ้าของร้านกาแฟรุ่นเล็กเสริม

 

“ผมเห็นของฝรั่ง บ้านพักทุกหลัง ตู้เสื้อผ้าเขาจะมีหลอดไฟ พออากาศชื้น เขาก็เปิดไฟสว่าง อบผ้า ทำให้เสื้อไม่เหม็นสาบ” โกหยิน เสมียนคนสุดท้ายของ บริษัท ไซมิสทิน ซินดิเกต จำกัด (Siamese Tin Syndicate Ltd.) ผู้ประกอบการเหมืองแร่เรือขุดสัญชาติอังกฤษ  ที่เปลี่ยนหงาวจากชุมชนเล็กๆ เป็นเมืองขนาดย่อมที่มีผู้คนจากหลากพื้นที่และเชื้อชาติ ว่ากันว่าในยุคเหมืองแร่ หงาวคึกคึกยิ่งกว่าตัวเมืองระนองที่อยู่ห่างออกไปราว 18 กิโลเมตร 

 

และในเวลานั้น ร้านกาแฟก็มีบทบาทต่อไลฟ์สไตล์ของชาวเหมืองไม่ต่างจากคาเฟ่ในเวลานี้

 

ร้านโกปี๊ชาวเหมือง

 

“ตอนเช้าคนงานเหมืองจะออกจากบ้านพร้อมห่อข้าวมารอรถรับส่ง บริเวณนี้เป็นจุดศูนย์รวม รถไซมิสทินจะมารับไปที่เรือขุด เดิมข้างหน้าร้านจะเป็นลาน มีต้นมะม่วงใหญ่อยู่ต้นหนึ่ง” ร้านขุ่นฮิ้นอยู่ในทำเลดี ด้านหลังติดกับสำนักงานไซมิสทิน


คนงานเหมืองและรถรับส่ง ภาพถ่ายจากภาพเก่าของ Sook Hotel
คนงานเหมืองและรถรับส่ง ภาพถ่ายจากภาพเก่าของ Sook Hotel

 

“แต่ก่อนไม่มีรั้ว เที่ยงผมก็เดินทะลุมากินข้าว กินกาแฟ ตอนกลางวันร้านนี้ขายข้าวแกงด้วย”  โกหยิน เล่าต่อ “แถวใกล้ๆ กัน จะมีร้านกาแฟอยู่ 3 ร้าน ฝั่งตรงกันข้ามชื่อร้านลิ่มเจ้ง อีกร้านเจ้าของชื่อง้วนล่าย แล้วก็มีอีกร้านเป็นแผงในตลาดขายปลาท่องโก๋ เป็นคนจีนทั้งหมด ทุกร้านมีทอดปาท่องโก๋ขาย ใครจะกินร้านไหนก็แล้วแต่ชอบรสมือชงของใคร”

 

ชาวเหมืองเรียกกาแฟ ว่า โกปี๊ ซึ่งมาจาก Kopi ภาษาฮกเกี้ยน/มลายู ส่วนโกปี๊เตี่ยม หมายถึง ร้านกาแฟ เตี่ยม เป็นภาษาฮกเกี้ยนใช้เรียกร้านหรือแผง เช่น เตี่ยมหมู ก็คือ แผงขายหมู

 

“สมมุตินะว่า วันนี้ ตื่นขึ้นคุณไม่มีเงินติดตัวเลยสักบาท มาที่หงาวมีเลียงลูกเดียว ไปที่คลองไหนก็ได้ เอาเลียงไปร่อนแร่ท้ายราง เอามาขาย ก็ได้แล้วอย่างน้อย 4-5  บาท อยู่ได้สบาย ขนมอันละสลึงเดียว” โกดา -จินดา สมเลข อดีตเจ้าของเหมืองฉีด วัย 88 ที่สามารถขี่มอร์เตอร์ไซค์ฝ่าฝนปรอยๆ มาร้านกาแฟ ร่วมวงเล่าความรุ่งเรืองยุคเหมืองแร่  “ตอนนั้นเราได้เงินไปโรงเรียนวันละสลึง” จันทนา เสริมให้ภาพค่าของเงินในเวลานั้น

 

ผู้คนจากจังหวัดข้างเคียงเดินทางเข้ามาระนองในยุคเหมืองแร่ ทั้งทำงานกับไซมิตทิน ทำเหมืองเล็กๆ ของตัวเอง จนกระทั่งร่อนหาแร่จากน้ำทิ้งของเหมือง ขายให้กับร้านรับซื้อแร่ในตลาด ที่มีอยู่ 2 ร้าน และหนึ่งในนั้นอยู่ในร้านชำของครอบครัวจันทนา 


ภาพจำลองบริเวณสำนักงาน ในศูนย์มรดกดีบุกสยาม
ภาพจำลองบริเวณสำนักงาน ในศูนย์มรดกดีบุกสยาม

 

คนงานเหมืองสร้างบ้านเรือนอยู่บริเวณรอบๆ สำนักงานของบริษัท ซึ่งเป็นทั้งที่ทำงานและที่พักของบรรดา ‘นายฝรั่ง’ ในพื้นที่ราว 30  ไร่ ชาวหงาวรุ่นเก่าจึงยังคงเรียกที่นี่แบบเดิม ว่า ‘สวนผัง’ (สวนฝรั่ง) ด้วยเหตุที่ร่มรื่นด้วยพันธุ์ไม้สวยงามมากมาย

 

“แต่ก่อนมีต้นประดู่เยอะมาก และก็มีลีลาวดีที่ตอนนี้บางต้นก็เอนล้มลง ต้นไม้เก่าๆ น่าจะเป็นร้อยปี เพราะตอนผมมาทำงานก็ต้นโตมากแล้ว” โกหยิน ย้อนความหลัง ทั้งนี้เทียบจากอายุไซมิสทินที่ ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี พ.ศ.  2454 (ในรัชกาลที่ 5)   “ข้างในมีบ้านพัก มีสโมสร สระว่ายน้ำ สนามเทนนิส วันอาทิตย์มีหนังฉายกลางสนาม เป็นหนังแปดมิล สิบหกมิล เสียงในฟิล์ม นายฝรั่งพาครอบครัวออกมานั่งดู พวกเด็กๆ ก็ไปเกาะรั้วดูกัน” 

 

ชาวหงาวยุคนั้นแต่งตัวแบบฝรั่ง ผู้ชายนุ่งกางเกงคาดเข็มขัด ผู้หญิงใส่สเกิร์ต และตลาดก็เต็มไปด้วยความหลากหลายของอาหาร ขนมจีนกับห่อหมก ยาวเยกับผัดหมี่ฮกเกี้ยน โรตี ข้าวหมกไก่ และขนมอาโป๊ง ที่คล้ายแพนเค้กใส่กะทิแทนนม “อาหารราคาถูก ปูพวงละสี่ห้าตัว พวงละสองบาท”

 

ในเวลานั้นร้านโกปี๊เป็นทั้งแหล่งเติมพลัง ที่หย่อนใจ พบปะแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร “ตอนเช้าก็มานั่งร้านกาแฟ บางทีเลิกงานก็มา ไม่มีที่ให้ไปมากนัก”

 

ส่วนคนที่ไม่นั่งร้านกาแฟ เช่น เด็กๆ อย่างจันทนา ทำหน้าที่ไปซื้อกาแฟ  “เวลาไปซื้อกาแฟเราต้องเอาขวดแม่โขงไปใส่  พ่อบอกว่าคนเดี๋ยวนี้ขายของสบาย มีถุงพลาสติกให้ใช้ แต่ก่อนขายของต้องทำเองหมด ทำกระทงใบตอง พับถุง”

“ใช่ ยางรัดก็ไม่มี ต้องทำเชือกกล้วยไว้มัดของ”  มีเสียงสนับสนุนจากโกหยิน 

 

กาแฟหนึ่งขวดแม่โขงเรียกว่ากินกันได้ทั้งบ้าน เมนูไม่ซับซ้อน “โกปี้ก็ใส่นมข้น ส่วนโกปี้อ้อไม่ใส่นมใส่แต่น้ำตาล พ่อ (ตันเก็ง แซ่ตัน) ตอนนี้อายุหนึ่งร้อยปี  เป็นคนรุ่นเดียวกับ ซินแสหย่วน เจ้าของร้านขุ่นฮิ้น เล่าว่าตอนนั้น หงาวมีร้านกาแฟมากถึง 7-8 ร้าน” 

 

เรื่องของต้นโกปี๊ 100 ปี

 

ในประวัติศาสตร์ชาติ ตามบันทึกของหมอบลัดเลย์ วัฒนธรรมการดื่มกาแฟของคนไทยเริ่มขึ้นในช่วงรัตนโกสินทร์ตอนต้นราวรัชกาลที่ 3 แต่เป็นเครื่องดื่มในหมู่ขุนนางเนื่องจากมีราคาแพง และเป็นการดื่มตามแบบชาวตะวันตก

 

ส่วนที่ตัวเมืองระนองซึ่งกำเนิดขึ้นจากการทำเหมืองแร่เช่นกันกับหงาว วัฒนธรรมกาแฟ เริ่มขึ้นจากโกปี๊เตี่ยมที่เข้ามากับชาวจีน แต่ไม่มีข้อมูลชัดเจนว่าเกิดขึ้นในปีใด

 

หลักฐานเก่าแก่ที่สุดเท่าที่มีคือ ต้นโกปี๊เก่าแก่ในซอยหลุมถ่าน “ป้าบี๋ซึ่งตอนนั้นอายุ 78 ปี เล่าว่าอากงเป็นคนปลูกกาแฟต้นนี้” พรชัย เอี่ยมโสภณ เล่าเรื่องต้นกาแฟโบราณที่เขาไปร่วมตามหากับ สุพจน์ กรประสิทธิ์วัฒน์ (ก้อง วัลเล่ย์) เจ้าของกาแฟแบรนด์ ก้องคอฟฟี่  “มีคนไปเล่าให้พี่ก้องฟังว่าที่บ้านเขาในเมืองระนอง มีต้นกาแฟเก่าแก่อยู่ ก็เลยมาตามหากัน” 


นายเหล็ง แซ่จั่น และ ป้าบี๋ จากภาพของพรชัย เอี่ยมโสภณ
นายเหล็ง แซ่จั่น และ ป้าบี๋ จากภาพของพรชัย เอี่ยมโสภณ

 

น่าเสียดายที่ต้นกาแฟถูกโค่นเมื่อไม่นานนี้ ส่วนป้าบี๋ก็เสียชีวิตไปแล้ว จากข้อมูลที่มีอยู่ นายเหล็ง แซ่จั่น อากง(ปู่) ของป้าบี๋ เป็นชาวจีนมีอาชีพช่างไม้ มาจากปีนังและเอาต้นโกปี๊มาด้วย นายเหล็งทำงานกับเจ้าเมืองระนอง มีส่วนร่วมในการก่อสร้างบ้านตระกูล ณ.ระนอง ศาลากลางเก่า และตึกสไตล์ชิโน-โปรตุกีส

 

ข้อมูลของจังหวัดระนองระบุว่า ศาลากลางหลังเก่าซึ่งปัจจุบันรื้อทิ้งไปแล้ว สร้างสมัยพระยาดำรงสุจริตมหิศรภักดี (คอยู่หงี ณ ระนอง) เป็นเจ้าเมืองระนอง โดยร่วมกับสมุหเทศาภิบาลมณฑลภูเก็ต คือ พระยารัษฎานุประดิษฐ์ (คอซิมบี๊ ณ ระนอง) ดัดแปลงและเสริมสร้างพระที่นั่งรัตนรังสรรค์ ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ประทับของรัชกาลที่ 5 เมื่อครั้งเสด็จเยือนเมืองระนอง การบูรณะโดยช่างชาวจีนชื่อ จุ้ยฮ่าว และคนอื่นๆ ที่ผลัดเปลี่ยนกันมา แล้วเสร็จใน ปี พ.ศ. 2444

 

หากยึดถือตามนี้ กาแฟต้นนี้ก็ต้องปลูกก่อนปี พ.ศ. 2444 จึงมีอายุไม่น้อยกว่า 124 ปี


ก้อง วัลเล่ย์ กับกาแฟเก่าแก่ที่สุดของระนอง ภาพของ พรชัย เอี่ยมโสภณ
ก้อง วัลเล่ย์ กับกาแฟเก่าแก่ที่สุดของระนอง ภาพของ พรชัย เอี่ยมโสภณ

 

ก้อง วัลเล่ย์ ได้บันทึกเกี่ยวกับต้นกาแฟไว้ว่า “..(ต้น)สูงมาก เป็นต้นไม้ป่าไปแล้ว สูงร่วมยี่สิบเมตรเลยทีเดียว มีผลติดตามกิ่ง และมีลูกสุก หล่นใต้โคนจากกระรอกกระแตเจาะลงมา ผลกาแฟใหญ่มาก บางลูกใหญ่เท่าหัวแม่มือ หรือเท่าผลองุ่น เปลือกหนามากมากป้าบี๋ในวัยเด็กมีหน้าที่ปีนขึ้นไปเก็บพร้อมกับถังผูกเชือกสำหรับหย่อนผลกาแฟลงมา จากนั้นนำไปแช่น้ำ หมักไว้อย่างน้อย 5 วัน แล้วค่อยนำไปขยำเปลือกออกที่คลองข้างบ้าน และเนื่องจากกาแฟแบบนี้เปลือกหนามาก “บางครั้งถึงกับต้องต้มผลกาแฟ เพื่อให้เปลือกนิ่มเลยทีเดียว” เม็ดกาแฟที่ได้นำไปขายให้กับร้านกาแฟในเมืองระนอง

นายเหล็ง เรียกต้นกาแฟ ว่า ต้นโกปี๊ เมื่อดูจากที่ลำต้นสูงและผลใหญ่กว่าพันธุ์โรบัสต้า  เป็นไปได้ว่า กาแฟต้นนี้อาจจะเป็นพันธุ์ ลิเบอริกา(Liberica) ซึ่งเข้ามาในแหลมมลายูช่วงศตวรรษที่ 19 และเป็นที่นิยมปลูกในมาเลเซียมา จนถึงทุกวันนี้ที่กาแฟร้อยละ 90 ในมาเลเซีย เป็นพันธุ์ ลิเบอริกา

 

ฉันได้ลองสอบถามหาร้านกาแฟรุ่นเก่า พบว่าร้านกาแฟเก่าแก่ในตัวเมืองระนองล้วนปิดตัวไปแล้ว   จึงไม่มีโอกาสได้รู้ว่า สารกาแฟแบบนี้ถูกนำไปผ่านกระบวนการแบบไหนต่อไปในโกปี๊เตี่ยมของระนอง ได้แต่คาดเดาว่า น่าจะใช้กรรมวิธีเดียวกับร้านกาแฟที่หงาว

 

เมล็ดคั่วรสเข้ม

 

“สมัยนั้นคั่วกาแฟเอง” โกบ๊วด-ปรีชา นิธิรักขพันธุ์ เล่าความทรงจำ โกหยินบอกว่าเรื่องเก่ามากๆ ต้องถามรุ่นโกบ๊วด “ผมรุ่นหกสิบกว่า โกบ๊วดเขาแปดสิบกว่าแล้ว”  แต่ผู้อาวุโสสุดอายุไม่ถึงสิบขวบในตอนนั้น ไม่ทราบว่าเมล็ดกาแฟมาจากไหน สันนิษฐานว่าน่าจะมาจากปีนัง

 

“สมัยก่อนของกินของใช้มาจากปีนังทั้งหมด มีเรือจากปีนังมาจอดที่เกาะผี (เกาะสะระนีย์) ตรงสะพานปลา รับแร่จากไซมินตินไปปีนัง เพราะสมัยก่อนไทยไม่มีโรงถลุงแร่ อย่างขนมปังบิสกิต นมตราแหม่มทูนหัว หงาวมีกิน ในเมืองระนองไม่มี เพราะฝรั่งสั่งเข้ามากับอุปกรณ์เรือขุด”  โกหยินสนับสนุนข้อสันนิษฐาน

 

“โต๊ะนี้ก็มาจากปีนัง เกือบร้อยปีแล้ว ขาไม้ของเดิมพังไป มาทำใหม่ แต่หน้าโต๊ะเป็นของเก่า” โกบ๊วดเล่าต่อ รวมถึงการคั่วเมล็ดกาแฟ “คั่วในกระทะใหญ่ เป็นกะทะใบบัว ใส่เนย น้ำตาลทรายแดง คั่วไปเรื่อยๆ กลิ่นจะหอมมากเลย คั่วเสร็จต้องเอามาตำ ตอนหลังถึงมีเครื่องบด”  เมล็ดกาแฟที่ตำแล้วจะเก็บใส่กระป๋องสำหรับชงด้วยถุงกาแฟต่อไป

 

            “ส่วนชามีคนมาส่ง ตอนนั้นถนนหนทางยังไม่ดี การเดินทางลำบาก ขนมก็ต้องทำเอง ทำขนมเค้ก ขนมปัง มีเตาอบถ่าน ลูกจ้างคนจีนเป็นคนทำ ร้านไหนทำขนมและคั่วกาแฟไม่เป็นก็ไม่ต้องขาย โกบ๊วด ยืนยันหนักแน่น ถึงความจริงของยุคสมัย ที่ไม่มีทั้งกาแฟสำเร็จรูปและขนมจากโรงงานมาช่วยทุ่นแรง

 

            “เตี่ยผมเป็นคนไหหลำ มาจากเมืองจีน เกาะไหหลำ หนีสงครามญี่ปุ่น มาหาลู่ทางทำมาหากิน ทิ้งลูกเมียไว้ แต่มาแล้วกลับไปไม่ได้ มาตั้งรกราก มีครอบครัวใหม่ เตี่ยผมเป็นหมอซินแสยาจีน เปิดร้านขายยาและเป็นหมอแมะ มาเปิดร้านขายกาแฟตอนผมอายุ 9 ขวบ”


จากซ้าย โกบ๊วด โกดา และโกหยิน กับโตีะกาแฟหน้าหินอ่อน
จากซ้าย โกบ๊วด โกดา และโกหยิน กับโตีะกาแฟหน้าหินอ่อน

 

ส่วนที่ว่าทำไมเปิดร้านขายกาแฟ โกบ๊วดก็ไม่ทราบเหตุผล “น่าจะเป็นเพราะรายได้ดี” โกหยิน เดาจากข้อมูลแวดล้อมที่ว่า เวลานั้นเศรษฐกิจเหมืองแร่กำลังเฟื่องฟู

 

แต่ อีกประเด็นที่น่าสนใจก็คือ ซินแสหย่วน เป็นชาวไหหลำ ซึ่งได้รับเครดิตว่าเป็นต้นธารวัฒนธรรมโกปี๊ ที่เริ่มต้นขึ้นในปลายศตวรรษที่ 19 เมื่อชาวไหหลำอพยพเข้ามาในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรือหนานหยาง ด้วยเหตุที่อพยพมาหลังชาวจีนกลุ่มอื่น จึงต้องหาช่องว่างในตลาดแรงงาน ประกอบกับชาวไหหลำได้ชื่อว่ามีฝีมือทางการครัว ส่วนใหญ่จึงยึดอาชีพพ่อครัวและทำงานในบ้านผู้มีฐานะ รวมทั้งชาวอังกฤษที่เป็นเจ้าอาณานิคม

 

ต่อมานำรูปแบบอาหารตะวันตกมาเปิดร้านกาแฟหรือโกปี๊เตี่ยม ตามภาษาฮกเกี้ยนที่เป็นชาวจีนกลุ่มใหญ่สุดในมลายู  ขายอาหารเลียนแบบอาหารตะวันตกในราคาประหยัด ประกอบด้วย ชา กาแฟ ไข่ลวก ขนมปังและสังขยา รวมถึงข้าวมันไก่ ให้กับคนในท้องถิ่น โดยเฉพาะคนงานเหมืองแร่

 

กาแฟที่ขายใช้วิธีการชงในถุงผ้า ปรุงรสด้วยน้ำตาลและนมข้นหวาน มีทั้งร้อนและเย็น ผงกาแฟที่ใช้ชงมาจากเมล็ดกาแฟที่คั่วด้วยเนยและน้ำตาล บางครั้งมีการเติมธัญพืชอื่นๆ เช่น ข้าวโพด เพื่อให้ขายได้ในราคาประหยัดเมล็ดกาแฟที่ใช้ส่วนใหญ่จะเป็นพันธุ์ลิเบอริกาที่มีรสขมกว่าโรบัสต้า เพื่อให้ได้กาแฟรสเข้ม

 

เมื่อดูจากเวลาที่ซินแสหย่วนเปิดร้านกาแฟ ซึ่งเป็นช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง โกปี๊เตี่ยมกำลังขยายตัวอย่างรวดเร็วในมลายู รวมถึงปีนัง และคนจีนมักจะตั้งตัวในถิ่นฐานใหม่ โดยเริ่มจากสายสัมพันธ์ในกลุ่มภาษาเดียวกัน จึงมีความเป็นไปได้ที่ลูกจ้างชาวจีนที่มาทำขนมในร้านขุ่นฮิ้น  จะเป็นชาวไหหลำ

 

โต๊ะกลมหน้าหินอ่อนและเก้าอี้ไม้กลม ก็มาจากรูปแบบโกปี๊เตี่ยมของชาวไหหลำ มีข้อมูลว่าโต๊ะแบบนี้ ไม่ใช่เฟอร์นิเจอร์สไตล์มาลายูและตะวันตก ตลอดจนในเกาะไหหลำก็ไม่มีโต๊ะหน้าหินอ่อน ชาวไหหลำในมลายูสร้างสรรค์ขึ้นใหม่โดยดัดแปลงจากโต๊ะสไตล์ตะวันตก

 

 

กาแฟในสงคราม

 

สงครามโลกครั้งที่สอง ไม่ส่งผลกระทบมากนักต่อชาวเหมืองในหงาว แม้ไซมิสทินจะเป็นของชาวอังกฤษ แต่รัฐบาลไทยได้เข้ามาดำเนินการแทนชั่วคราว ก่อนคืนกลับให้เจ้าของเดิมหลังสงคราม

 

แต่สงครามส่งโลกกาแฟก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ เมื่อกาแฟสำเร็จรูปถูกบรรจุอยู่ในยุทธภัณฑ์ของทหารอเมริกันทุกนาย และเป็นหนึ่งในความช่วยเหลือจากอเมริกันให้กับประชาชนที่ขาดแคลนในยุโรปและญี่ปุ่นหลังสงคราม เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของวัฒนธรรมกาแฟโลก   

 

เรื่องราวเริ่มต้นในปีค.ศ. 1936  เมื่อ Nestlé เปิดตัวกาแฟผงสำเร็จรูปที่ละลายน้ำได้ทันที ในชื่อ เนสกาแฟ ผลิตภัณฑ์นี้ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว เมื่อถึง ปีค.ศ. 1940 เนสกาแฟมีจำหน่ายในกว่า 30 ประเทศทั่วโลก แต่จุดเริ่มต้นของการเป็นเครื่องดื่มของมวลชนจริงๆ เริ่มขึ้นในหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ที่กาแฟสำเร็จรูปเปลี่ยนแปลงวิถีการดื่มกาแฟทั่วโลก ด้วยความสะดวก รวดเร็ว และที่สำคัญ ‘ทันสมัย’

 

ในเมืองไทยยุคหลังสงคราม ตามด้วยยุคพัฒนามีการสร้างเส้นทางคมนาคมเชื่อมโยงทุกภูมิภาคเข้าสู่ส่วนกลาง ร้านกาแฟกระจายไปทั่วประเทศเป็นหนึ่งในอาชีพเริ่มต้นของคนจีนอพยพ เป็นยุคสมัยที่ภาพยนตร์ไทยจำนวนมากเปิดฉากด้วยการต่อยตีของพระเอกกับขาใหญ่ประจำตำบลในร้านกาแฟ

 

การขยายตัวของร้านกาแฟทำให้เกิดโรงงานผลิตกาแฟคั่วบดตามมา มีข้อมูลว่าในปี พ.ศ. 2518 มีโรงงานกาแฟคัวบดทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัดร่วมร้อยแห่ง ในทางกลับกันการมีกาแฟผงจากโรงงานทำให้การเปิดร้านกาแฟง่ายขึ้นกว่าเดิม ส่งผลให้ร้านกาแฟเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ร้านกาแฟเก่าๆ เลิกคั่วกาแฟเอง

 

ส่วนกาแฟสำเร็จรูปยังไม่มีบทบาทมากนัก จนกระทั่งปี พ.ศ. 2516 เนสเล่ เริ่มผลิตกาแฟสำเร็จรูปในประเทศไทยและทำการตลาดอย่างกว้างขวาง  ความนิยมกาแฟสำเร็จรูปที่สามารถชงเองได้ง่ายๆ ที่บ้าน ประกอบกับการเกิดขึ้นของเครื่องดื่มชูกำลัง  ส่งผลให้ร้านกาแฟแบบถุงชงทยอยปิดตัวลง

 

ในปีพ.ศ. 2518 เกิดวิกฤตร้านกาแฟโบราณ เนื่องจากปัญหาความปลอดภัยของสีดำในกาแฟคั่วบด ซึ่งต่อมาผู้ประกอบการโรงงานผลิตกาแฟคั่วบดได้ตั้ง สมาคมผู้คั่วกาแฟ ขึ้น ชี้แจงที่มาของสีดำในผงกาแฟ ว่ามาจากสีของน้ำตาลเคี่ยว และไม่เป็นอันตรายต่อผู้บริโภค

 

อย่างไรก็ตาม ความสะดวกและทันสมัย ทำให้กาแฟสำเร็จรูปไม่เพียงเข้าไปในบ้านเรือน ยังเข้าไปในร้านกาแฟ ที่มีทางเลือกให้ลูกค้าว่า “จะเอาโกปี๊หรือเนส”   และ ‘เนส’ กลายเป็นชื่อเรียกกาแฟสำเร็จรูป ไม่ว่าจะใช่หรือไม่ใช่ เนสกาแฟ

 

ร้านขุ่นฮิ้นก็เปลี่ยนไปตามกระแสธารนี้ ป้ายชื่อหน้าร้านเปลี่ยนจากป้ายไม้ที่มีชื่อภาษาจีน เป็นป้ายพลาสติกที่มีแต่ภาษาไทยและเลิกคั่วกาแฟ “ตอนหลังชา กาแฟสั่งซื้อของปีนังมา และเมื่อถนนดีขึ้นก็มีคนเอากาแฟผงมาส่ง” ทั้งนี้ถนนเพชรเกษม ซึ่งเป็นเส้นทางสายหลักสู่ภาคใต้ สร้างเสร็จในปี พ.ศ. 2493 ระนองจึงเชื่อมเข้ากับกรุงเทพ นอกเหนือจากปีนัง ผงกาแฟจึงมีแหล่งที่มาจากกรุงเทพฯ แทนปีนัง เช่นเดียวกับสินค้าในร้านของครอบครัวจันทนา “พ่อจะไปเลือกซื้อของแล้วมีรถมาส่ง ที่บ้านขายผงกาแฟด้วย สั่งมาเป็นปี๊บแล้วตักแบ่งขาย”  และเมื่อไซมิสทินส่งแร่ไปถลุงที่ภูเก็ต  การติดต่อระหว่างหงาวกับปีนังก็สิ้นสุดลง

 

สิ้นสุดยุคทอง

 

“ผมเป็นคนสุดท้ายที่เดินออกจากบริษัท” โกหยินเล่าถึงภารกิจในฐานะเสมียนคนสุดท้าย “เรือหยุดขุดแร่ในปี  2536 เพราะความสมบูรณ์ของแหล่งแร่ลดลง และราคาแร่ดีบุกตกต่ำ ทำแล้วกำไรนน้อยไม่คุ้มทุน เรือขุดทั้ง 3 ลำถูกลากมาจอดในอู่เรือ บริเวณที่ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของที่ทำการอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะระนอง และถูกทิ้งไว้อย่างนั้นจนถึงปี 2540 ก็ถูกรื้อขายเป็นเศษเหล็ก หลังจากนั้นผมอยู่ดูแลที่ดินของบริษัท จนถึงปี 2555 เมื่อบริษัทขายที่ดินออกไป ผมก็หมดหน้าที่”


บ้านพักในไซมิสทินหลังบูรณะ กลางสายฝน
บ้านพักในไซมิสทินหลังบูรณะ กลางสายฝน

  “เมื่อเหมืองปิดกิจการ คนงานเหมืองที่เมื่อก่อนไม่ได้ไปไหนอยู่กันแค่ในหงาว เรือขุดก็ขุดอยู่ในบริเวณหงาว ร้านกาแฟเช้าครึกครื้นรอบ บ่ายรอบ เย็นรอบ พอเหมืองปิด ต่างก็ดิ้นรนไปหาอาชีพใหม่ที่อื่น” หงาวค่อยๆ เงียบเหงาลง ในขณะที่ร้านกาแฟทยอยปิดตัว ร้านที่คงอยู่ก็ปรับเข้ากับความเปลี่ยนแปลง

 

“เตี่ยผมเสียปี 2545 เหลือแต่แม่ ขายแค่กาแฟอย่างเดียว” และขุ่นฮิ้นเป็นร้านกาแฟยุคเหมืองแร่ร้านเดียวที่คงเหลืออยู่ แต่ในวันนี้ไม่มีโกปี๊ มีเพียง เนส ส่วนขนมนอกจากขนมโรงงาน ยังมีขนมพื้นเมืองที่มีคนนำมาฝากขาย อย่างข้าวเหนียวสังขยา

 

จากยุคตื่นกาแฟ ถึง GI กาแฟระนอง


ในทศวรรษ 2520 ระนองดึงดูดผู้คนเข้ามาอีกครั้ง ครั้งนี้ด้วยเหตุผลของกาแฟ


ตลาดกาแฟสำเร็จรูปเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว นอกจากเนสกาแฟ มีแบรนด์อื่นๆ เกิดขึ้นตามมา ทำให้ความต้องการเมล็ดกาแฟขยายตาม และระนองเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่มีความเหมาะสมในการปลูกกาแฟสายพันธุ์โรบัสต้า ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่ใช้ในการผลิตกาแฟในระบบอุตสาหกรรม ทำให้เกษตรกรทั้งในและนอกพื้นที่หันมาทำสวนกาแฟ ส่งผลให้ปัจจุบัน ระนองเป็นพื้นที่ปลูกกาแฟโรบัสต้า มากเป็นอันดับสองของประเทศ รองจากชุมพร


“บ้านไร่ในเป็นพื้นที่ปลูกกาแฟโดยแท้ คือเดิมปลูกกันเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ ปลูกส่งให้กับบริษัทกาแฟสำเร็จรูป ชาวบ้านแถวนี้เข้ามาทำสวนกาแฟกันตั้งแต่ช่วงปี 22, 25, 28 และ ปี 41 มาจากหลายจังหวัด นอกจากจังหวัดใกล้เคียงอย่างพังงา ชุมพร สุราษฎร์ ก็มีจากภาคอีสานด้วย ที่นี้จึงเป็นชุมชนสองพื้นที่” สุรีย์พร ฮมภาราช  วิสาหกิจชุมชนบ้านไร่ใน เล่าความเป็นมาของบ้านไร่ใน อำเภอสุขสำราญ ซึ่งเป็นหนึ่งในชุมชนที่เกิดจากการอพยพเข้ามาทำไร่กาแฟ ซึ่งมีด้วยกันหลายพื้นที่ในระนอง เช่น ละอุ่น กระบุรี กะเปอร์

 

อย่างไรก็ตาม ราคารับซื้อเมล็ดกาแฟดิบขึ้นลงตามราคาในตลาดโลก ส่งผลให้บางช่วงราคาตกต่ำหนัก จนกระทั่งเกิดการทิ้งสวนกาแฟ หรือเปลี่ยนไปปลูกพืชอื่นที่มีราคาดีกว่าทดแทน “ช่วงที่ราคาตกมากๆ จากกิโลละร้อยกว่าบาทเหลือเพียงไม่ถึง 50 บาท ชาวบ้านเขาก็โค่นกาแฟทิ้ง หันไปปลูก ปาล์ม กับพวกผลไม้ต่างๆ เช่น ทุเรียน มังคุด” 


สุรีย์พร ฮมภาราช และต้นกาแฟบางส่วนที่หลงเหลืออยู่ในสวนผลไม้ บ้านไร่ใน
สุรีย์พร ฮมภาราช และต้นกาแฟบางส่วนที่หลงเหลืออยู่ในสวนผลไม้ บ้านไร่ใน

เพื่อแก้ปัญหาราคากาแฟตกต่ำ ภาครัฐเข้าสนับสนุนชาวสวนกาแฟในหลากหลายรูปแบบ เช่น การสร้างให้เกิดการรวมกลุ่มเพื่อลดต้นทุนการผลิต การสนับสนุนด้านองค์ความรู้และเทคโนโลยีในการแปรรูปกาแฟ รวมถึงการขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) “กาแฟระนอง” สำหรับ กาแฟสาร(เมล็ดกาแฟดิบ) กาแฟคั่ว กาแฟคั่วบด และกาแฟสำเร็จรูป ที่ผลิตจากกาแฟโรบัสต้าปลูกในพื้นที่จังหวัดระนอง


“ระนองมีสภาพภูมิประเทศและภูมิอากาศที่โดดเด่น อยู่ใต้อิทธิพลของลมมรสุมสองฝั่งทะเล มีปริมาณน้ำฝนมาก ส่งผลต่อการพัฒนาของกาแฟ ความชุ่มชื้นทำให้ต้นกาแฟออกดอกได้ดี พื้นที่เชิงเขาที่อุดมด้วยแร่ธาตุ ทำให้เมล็ดกาแฟคุณภาพสูง มีรสชาติเข้มข้น กลมกล่อม และมีความหอมของกลิ่นกาแฟเป็นเอกลักษณ์ของกาแฟระนอง ต่างจากโรบัสต้าที่ปลูกในพื้นที่อื่น”  ดุรงค์รัตน์ พยุหกฤษ เล่าถึงอัตลักษณ์ของกาแฟระนอง ในฐานะผู้รับผิดชอบเรื่อง GI ของสนง.เกษตรจังหวัดระนอง 

 

“ผลิตภัณฑ์กาแฟที่จะใช้ตราสัญลักษณ์  GI กาแฟระนอง นอกจากต้องใช้เมล็ดกาแฟโรบัสต้าที่ปลูกที่ระนองแล้ว ต้องผลิตและแปรรูปด้วยกรรมวิธีที่พิถีพิถันทุกขั้นตอน ตั้งแต่การเก็บที่ต้องเก็บเฉพาะลูกสุกสีแดง การตากต้องสะอาด ไม่ปนเปื้อน ทำให้เกิดเชื้อรา ซึ่งมีผลต่อรสชาติกาแฟ ที่ภาษากาแฟเรียกว่าไม่คลีน”

 

ในระยะหลังความต้องการกาแฟภายในประเทศสูงขึ้น ตามการบริโภคกาแฟที่เพิ่มสูงขึ้น “ตอนนี้กาแฟอยู่ตัวแล้ว ชาวสวนกาแฟอยู่ได้  ปีนี้ราคาสูงเป็นพิเศษ ขึ้นมาสองเท่า อยู่ที่ประมาณสองร้อยบาท” เนตรพรรณี สิงห์ทอง หัวหน้ากลุ่มส่งเสริมและพัฒนาการผลิต สนง.เกษตรจังหวัดระนอง ให้ข้อมูลและว่า “ อีกอย่างตอนนี้ชาวสวนกาแฟหันมาทำกาแฟคุณภาพสูงมากขึ้น ทำให้ได้ราคาดีขึ้น ต่างจากเดิมที่เน้นทำกาแฟอุตสาหกรรม ส่วนหนึ่งเป็นเพราะรสนิยมคนดื่มกาแฟก็เปลี่ยนไปด้วย คนมีความรู้เรื่องกาแฟมากขึ้น ความต้องการกาแฟคุณภาพสูงก็เพิ่มตาม”


ความเปลี่ยนแปลงทั้งในส่วนของคนปลูกกาแฟและคนดื่มกาแฟ  มีจุดเริ่มต้นจากสตาร์บัคส์ แบรนด์กาแฟระดับโลกที่ไม่ได้ขายแค่กาแฟ แต่ ‘ส่งมอบประสบการณ์การดื่มกาแฟ’ และ กาแฟคั่วมือในกระทะของ ก้อง วัลเลย์ ที่เนตรพรรณีให้ความเห็นว่า “ทำให้ชาวสวนกาแฟเห็นว่าเขาสามารถทำกาแฟตั้งแต่ต้นจนปลายน้ำได้” 


โรบัสต้าคั่วมือ

 

ฉันได้เจอกับเจ้าของแบรนด์ ก้อง คอฟฟี่ สุพจน์ กรประสิทธิ์วัฒน์ ในเวลาสั้นๆ ที่เขามาร่วมงานที่จัดขึ้นโดยหน่วยงานรัฐแห่งหนึ่ง  เขาย้ำความสำคัญของสิ่งที่เขาพูดเสมอคือ แก่นแท้ของกาแฟที่ทำให้คนดื่มผลไม้ชนิดนี้มานานกว่าพันปี และการกำหนดราคาได้ ซึ่งสองส่วนนี้สัมพันธ์กัน เมื่อผู้ผลิตกาแฟสามารถผลิตกาแฟที่มีคุณภาพดี ก็สามารถสร้างตลาดของตนเองและกำหนดราคาได้เอง โดยไม่ต้องขึ้นกับตลาดโลก

 

สำหรับเขา กาแฟคือผลไม้ ผลไม้ที่ดีย่อมให้น้ำคั้นที่ดี ส่วนการคั่วกาแฟตอบสนองต่อรสนิยมที่หลากหลาย แต่ต้องเริ่มต้นจากเมล็ดกาแฟที่ดี  แน่นอนว่ารายได้ที่ดีมีความสำคัญ แต่ต้องมาหลังกระบวนการที่ดี  และหากเข้าใจกาแฟ ก็สร้างแบรนด์ของตัวเองได้

 

ก้อง คอฟฟี่ เริ่มต้นขึ้นใน ปี 2551 สิบปีหลัง สตาร์บัคส์ แบรนด์ที่มีอิทธิพลสูงสุดต่อวัฒนธรรมกาแฟโลกเข้ามามอบประสบการณ์การดื่มกาแฟให้กับคนไทย เปิดสาขาแรก ในปี พ.ศ. 2541 โดยวางเป้าหมาย ไม่ใช่แค่เพียง ‘กาแฟคุณภาพเยี่ยม และวัฒนธรรมการดื่มกาแฟดั้งเดิมเพียงเท่านั้น แต่ร้านของเรายังเป็นสถานที่ให้ผู้คนเข้ามาพบปะพูดคุย มีปฏิสัมพันธ์กันอีกด้วย’

สองทศวรรษนับจากนั้นร้านกาแฟสดและศัพท์กาแฟ อย่าง เอสเพรสโซ อเมริกาโน  ลาเต้ คาปูฯ เข้ามาอยู่ในชีวิตประจำวันของคนไทย ในขณะที่ร้านกาแฟกลายเป็นห้องรับแขกและที่ทำงานของคนเมืองยุคใหม่

 

อราบิกาในคาเฟ่
อราบิกาในคาเฟ่

ในโลกกาแฟสด เมล็ดพันธุ์อารบิกาได้รับการจัดอยู่ในลำดับชั้นที่เหนือกว่าโรบัสต้า ที่เติบโตมาในฐานะกาแฟอุตสาหกรรม แต่ผลตอบรับต่อกาแฟแบรนด์ ก้องกาแฟ แสดงให้เห็นว่า “โรบัสต้าไม่ใช่กาแฟที่เลวร้าย หากมีการพัฒนาที่ดี มีคุณภาพดี” ดังที่เจ้าของแบรนด์เคยพูดไว้

 

ไม่ใช่แค่เพียงค่านิยมต่อโรบัสต้า  “พี่ก้องทำให้เห็นว่ากาแฟดีๆ คนคั่วกินเองได้ ”  พรชัย สรุปอีกบทบาทกาแฟคั่วมือในกระทะแบบดั้งเดิม ที่เวลานี้ขายไปทั่วโลก และ Fine Robusta เป็นอีกทางเลือกในวัฒนธรรมกาแฟของระนอง

 

หวานสะอาด

 

ฉันขอดูขั้นตอนการสร้างสรรค์พรีเมียมโรบัสต้า จาก พรชัย เอี่ยมโสภณ เจ้าของ O Coffee ทั้งนี้ภายใต้กระแสการแสวงหากาแฟบริสุทธิ์ที่ไม่มีอะไรเจือปน เพื่อดื่มด่ำในรสชาติแท้ๆ ของกาแฟ ที่ผ่านการผลิต คั่ว และชงอย่างประณีต เขาเป็นหนึ่งในนั้น

 

“ระนองปลูกกาแฟเยอะมาก แต่ไม่ได้ไปต่ออย่างที่เราอยากเห็น” โอ๋-พรชัย เล่าถึงเหตุผลการขยายบทบาทจากนักสื่อสารมวลชน ที่ติดตามและนำเสนอเรื่องราวของกาแฟ มาคั่วกาแฟ ภายใต้สโลแกน คั่วทีละน้อย อร่อยทุกเม็ด 

 

พรชัยทดลองคั่วกาแฟจากที่ได้เห็นกาแฟคั่วมือของก้องกาแฟ และศึกษาเพิ่มเติมจากอินเตอร์เน็ต “คั่วสนุกๆ แจกเพื่อนๆ ตอนนี้ฝากขายตามร้านขายของที่ระลึกและขายออนไลน์บ้าง ไม่ได้เน้นว่าจะขายมาก อยากสร้างชื่อ อยากส่งเสริม ในคนได้รู้จัก ชื่อกาแฟระนองมากกว่า”


พรชัยคัดเมล็ดกาแฟก่อนคั่ว
พรชัยคัดเมล็ดกาแฟก่อนคั่ว

เขาเริ่มต้นกรรมวิธี จากการคัดเมล็ดเสีย คัดขนาด จากนั้นจึงลงมือคั่ว ซึ่งมีขั้นตอนรายละเอียดของเวลาและอุณหภูมิ ตามระดับการคั่วที่ต้องการ “โรบัสต้า คั่วอ่อนไม่ค่อยมีคนทำ และไม่ค่อยมีคนดื่ม อาจเป็นเพราะไม่ค่อยมีให้ชิม คั่วอ่อนค่อนข้างยากในการคุมอุณหภูมิ มันมักจะหลุดไประดับกลาง”  พรชัยว่าพลางดริปโรบัสต้าคั่วอ่อนของเขาให้ชิม “รสชาติจะอ่อน สีอ่อนๆ เราชิมคั่วอ่อนก่อน เดี๋ยวค่อยชิมคั่วกลาง”

 

            “มีนัต  อัลมอล และชอคฯ  เปรี้ยวนิดเดี๋ยว จากกรดกาแฟ ไม่ฟรุตตี้แบบอาราบิกา ส่วนคั่วกลางจะเข้มขึ้น มีดาร์กชอคฯ”  เจ้าของ O coffee แจกแจงรสชาติ “ที่สำคัญต้องสะอาด ดื่มเข้าไปแล้ว ไม่ทิ้งอะไรไว้ในปาก อาฟเตอร์เทส จะหวานและมีความคลีน”

 

  “สำหรับโรบัสต้าของระนอง รายละเอียดอื่นอาจต่างออกไปตามการคั่ว แต่พื้นฐานคือ สวีทแอนคลีน (หวานและสะอาด) เหมือนกันแน่นอนทุกตัว มาจากสภาพภูมิประเทศและภูมิอากาศ ฝนเยอะ กาแฟเก็บน้ำได้เต็มที่ ทำให้กาแฟมีความชุ่ม โรบัสต้าที่อื่นจะต่างออกไป จะแห้งไม่ชุ่ม เป็นรสชาติที่ไม่มีในโรบัสต้าที่อื่น”

 

อย่างไรก็ตามทั้งหมดนี้จะต้องเริ่มต้นจากเมล็ดกาแฟที่ดี “กาแฟดี จะไม่เวียนหัว ที่ว่าดื่มกาแฟแล้วคลื่นไส้ หรืออื่นๆ เป็นเพราะเม็ดเสียๆ มีเชื้อรา ตอนนี้คนปลูกหันมาทำกาแฟคุณภาพมากขึ้น”

 

ไม่เพียงหันมาผลิตสารกาแฟคุณภาพดี ชาวสวนกาแฟหลายพื้นที่แปรรูปกาแฟในหลากหลายรูปแบบ ไปจนถึงเปิดร้านกาแฟ “หลังจากที่เจอปัญหาราคาตกต่ำ เราปรับแนวทางใหม่ จากการทำเมล็ดกาแฟดิบส่งโรงงาน เรามาแปรรูปเอง มีทั้งเมล็ดกาแฟคั่ว กาแฟดริป แล้วยังมีลูกอมกาแฟ ชอคโกแลตสอดไส้เมล็ดกาแฟคั่ว และมีร้านกาแฟอีกด้วย เพราะชุมชนมีแหล่งท่องเที่ยวพลับพลึงธาร ทำควบคู่กันไป ชมพลับพลึงแล้วมาดื่มกาแฟกับขนมพื้นบ้าน”  สุรีย์พร ฮมภาราช วิสาหกิจชุมชนบ้านไร่ใน เล่าถึงเส้นทางใหม่ของชาวสวนกาแฟที่ได้รับผลตอบรับอย่างดี

 

มรดกเหมือง

 

            “อยากจะรักษาของเก่าไว้ให้คงความเป็นโบราณอยู่ สมัยก่อนมีสภากาแฟ แต่ถ้าเราเปิดเป็นร้านกาแฟโบราณ เด็กๆ ก็คงไม่สนใจ ถ้าเป็นร้านกาแฟที่ทันสมัย น่าจะเชื่อมกับคนรุ่นใหม่ได้”  จันทนา ตันติเวทเรืองเดช เล่าถึง Tin Café  ร้านกาแฟที่ทำหน้าที่เชื่อมผู้มาเยือนกับอดีตของหงาว เพื่อสร้างอนาคตที่รุ่งเรืองอีกครั้ง

 

ร้านกาแฟแห่งนี้ อยู่ในบริเวณ “สวนผัง” หรือสำนักงานของไซมิสทินฯ ที่เธอตัดสินใจซื้อในปี  พ.ศ.2555  ด้วยเหตุผลที่ว่า “ยืนตรงไหนก็สวยมองเห็นน้ำตกหงาว ต้นไม้ก็สวยมาก ถ้าเราปลูกเอง คงไม่ได้อยู่ทันดูต้นไม้โตขนาดนี้แน่นอน เข้ามาแล้วก็พยายามปรับปรุงแก้ไข โดยรักษาของเดิมที่คงเหลืออยู่ให้มากที่สุด ไว้ให้เป็นแหล่งเรียนรู้ต่อไป”


ตาเฟ่ในสวนผัง
ตาเฟ่ในสวนผัง

 

อาคารสำนักงานเดิมที่ถูกทิ้งร้างเกือบ 20 ปี ได้รับการซ่อมแซม ปรับเป็นศูนย์มรดกดีบุกสยาม (Siam Tin Heritage Center) พิพิธภัณฑ์จัดแสดงประวัติศาสตร์การทำแร่ดีบุกและความเป็นมาของหงาว  พร้อมเครื่องมือเครื่องใช้ที่เหลืออยู่ใน โดยการสนับสนุนของทีมวิจัยนำโดย ดร.รังสิมา กุลพัฒน์

 

“เราอยู่หงาวอยากรู้เรื่องราวของบ้านตัวเอง หรือบอกเล่ากับคนอื่น ไปค้นในกูเกิลก็ไม่มี จะพูดเองก็ไม่มีงานศึกษามารองรับว่าสิ่งที่เราพูดมันถูกต้องหรือเปล่า และเรื่องราวต่างๆ ก็ค่อยๆ หายไปกับคนเก่าๆ ที่เสียชีวิต ลาจากไป ถ้าเราทำตรงนี้ความทรงจำเหล่านั้นก็จะคงอยู่ ที่ผ่านมามีนักวิชาการมาช่วยจัดการข้อมูล เป็นที่มาของหงาวว่า เหมืองสร้างเมือง ตอนนี้เสิร์จหาเรื่องเหมือง เรื่องหงาวก็จะเจอแล้ว ทำแล้วก็ดีใจนะ มีคนติดตามมาเยอะมาก มีคนที่คิดเหมือนเรา มีคนมาดูตัวอย่างกลับไปทำที่บ้านตัวเอง”

 

“ถึงครอบครัวเราจะไม่ได้ทำงานในเหมือง แต่เราก็โตมากับบรรยากาศนี้ พ่อ(ตันเก็ง แซ่ตัน) เป็นชาวจีนฮกเกี้ยน มาจากเมืองเอ้หมึง มาปักหลักที่นี่เพราะรู้ว่ามีไซมิสทิน มีงาน พ่อไปอยู่ในป่าตัดไม้มาส่งไซมิสทิน เพราะเรือขุดต้องใช้พลังไอน้ำ ต่อมาก็ทำเตาเผาถ่าน เราก็โตขึ้นมาในบรรยากาศที่เห็นคนงานเหมืองขี่จักรยานไปทำงาน โตมากับเสียงวิทยุประกาศราคาขึ้นลงแร่ ที่แม่เปิดฟัง” 

 

เจ้าของสวนผังคนใหม่ ตั้งความหวังว่า การรื้อฟื้นอดีตที่เป็นความทรงจำร่วมของชุมชน จะช่วยสร้างอนาคต  “อยากเห็นหงาวเป็นชุมชนใหญ่เหมือนเดิม ไม่ใช่เด็กไปเรียนหนังสือกรุงเทพแล้วไม่กลับมา คนไปทำงานที่อื่น ถ้าเป็นอย่างนี้หงาวอาจจะร้างโดยไม่รู้ตัว ตอนนี้ก็มีกิจกรรมในชุมชนที่เชื่อมโยงกับศูนย์มรดกฯ อย่างกิจกรรมสาธิตการร่อนแร่ พิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นที่วัดบ้านหงาว ”


ปิ่นโตนายเหมือง อาหารสไตล์ชาวเหมืองอังกกฤษ
ปิ่นโตนายเหมือง อาหารสไตล์ชาวเหมืองอังกกฤษ

 


ถึงไม่ใช่โกปี๊เตี่ยม แต่ร้านกาแฟในสวนผัง สร้างประสบการณ์เมืองเหมืองแร่ผ่านอาหารพื้นถิ่น “อาหารที่ของเราเคยทานตอนเด็กๆ ที่เป็นอาหารฮกเกี้ยน เครื่องดื่มที่เราเคยเจอ เช่น ชามาเลย์ อาหารจะเชื่อมโยงกับเหมือง อย่างหมูฮ้องที่เก็บได้นาน เพราะคนเข้าไปทำงานในเหมืองไกล นานๆ เขาถึงจะออกมาซื้ออาหาร”  อาหารฮกเกี้ยนมีทั้งจานที่เป็นที่รู้จักอย่างผัดหมี่ ไปจนที่หาทานยาก อย่างก๊กซิมบี้ ยาวเย ชุนเปี๊ยะ และ มีปิ่นโตนายเหมือง(คอร์นิช พาสตี้)แบบชาวเหมืองอังกฤษ รวมถึงกาแฟดริปโรบัสต้าระนองและกาแฟนมกาหยูผลิตภัณฑ์เด่นของระนอง

 

รสชาติของฝน และ จินตนาการถึงกาแฟ

 

ฉันฉีกซองกาแฟดริป ก้องคอฟฟี่ ที่ได้รับจากเจ้าของแบรนด์ เทน้ำร้อนใส่ เพียงเท่านี้ก็ได้ดื่ม Fine Robusta ท่ามกลางฝนที่ตกหนัก อาจจะเป็นด้วยเผชิญกับฝนหลายวัน ฉันรู้สึกถึงรสชาติหอมหวานของฝนในนั้น

 

ว่ากันว่าวัฒนธรรมกาแฟกำลังเข้าสู่ยุคที่วิทยาศาสตร์กาแฟ ทั้งการคั่ว การสกัด และความรู้เกี่ยวกับกาแฟ จะนำพาไปสู่รสชาติกาแฟที่สมบูรณ์แบบ ในขณะที่เทคโนโลยีใหม่ๆ จะทำให้คนส่วนใหญ่จะสามารถเข้าถึงกาแฟคุณภาพสูงได้มากขึ้น


ฉันหวนนึกถึงกาแฟคั่วบดของร้านกาแฟโบราณแบบโกปี้เตี่ยม ที่ฉีกทุกกฎของนิยามกาแฟชั้นดี ตั้งแต่คั่วจนไหม้ดำ เติมสิ่งอื่น อาทิ น้ำตาล เนย มาการีน ข้าวโพด เม็ดมะขาม ฯลฯ มากน้อยขึ้นกับเจ้าของสูตร กาแฟแบบนี้มีจุดตัดสินอยู่ที่ฝีมือคนชง ทั้งหมดเป็นศาสตร์เฉพาะของวัฒนธรรมกาแฟเอเชียตะวันออกเฉียงใต้


โกปี๊เตี่ยมในมะละกา ที่มีทั้งโกปี๊และเอสเพรสโซ โดยรุ่นที่สามของ เจ้าของแบรนด์กาแฟคั่วบดตรานักเรียน                                 ที่เก่าแก่ที่สุดในมะละกา ก่อตั้งปี 1938
โกปี๊เตี่ยมในมะละกา ที่มีทั้งโกปี๊และเอสเพรสโซ โดยรุ่นที่สามของ เจ้าของแบรนด์กาแฟคั่วบดตรานักเรียน ที่เก่าแก่ที่สุดในมะละกา ก่อตั้งปี 1938

หนึ่งศตวรรษผ่านไป กาแฟกลายเป็นธุรกิจระดับหลายหมื่นล้าน กำลังทะลุเข้าสู่ระดับแสนล้าน ที่มียักษ์ใหญ่อย่างเนสกาแฟ คาเฟ่อเมซอน รวมถึงสตาร์บัค แบ่งปันรายได้ระดับหมื่นล้าน ทั้งยังเป็นกลุ่มที่มีบทบาทสำคัญในวัฒนธรรมกาแฟ

 

ระนองก้าวขึ้นเป็นแหล่งผลิตกาแฟโรบัสตาอันดับสองของประเทศ พร้อมกับมีแรงผลักดันของคนระนอง

ที่อยากเห็นโรบัสตาเป็นมากกว่ากาแฟอุตสาหกรรม ทำให้วัฒนธรรมกาแฟในระนอง หลากหลายเส้นทาง รสชาติ สีสัน เช่น ไฟน์และพรีเมี่ยมโรบัสต้า ขณะที่หลายคนเลือกเติมรสชาติและเรื่องราวความเป็นระนองลงในกาแฟ มีทั้ง กาหยู ส้มจี๊ด มะพร้าว และเหมืองแร่

 

ไม่แน่ว่า เราอาจจะได้เห็นการกลับมาด้วยคุณภาพใหม่ของโกปี๊ ในฐานะมรดกทางวัฒนธรรมของชาวจีนอพยพ ที่เคยครองใจคนนับล้านและยังอยู่ในใจของผู้คนอีกมากมาย



ree

 



ข้อมูลอ้างอิง

 

A Brief History of Malaysian Coffee Culture

 Coffee culture in Southeast Asia

กาแฟมังกรบิน https://www.mungkornbin.coffee/ 

Specialty Robusta ฝันให้ไกล...ไปให้ถึงhttps://www.bangkokbiznews.com/lifestyle/923591

ยันเนสกาแฟไม่ขาดตลาด ‘เนสท์เล่’ ย้ำผลิตต่อในไทย


ประวัติสตาร์บัคส์ประเทศไทย https://starbucks.co.th/th/about-us/starbucks-in-thailand/

เปิดรายได้ ‘6 ยักษ์กาแฟเมืองไทย’ ปี 2567 โกยฉ่ำสูงสุดทะลุหมื่นล้าน!https://www.bangkokbiznews.com/business/business/1182002

ประวัติเมืองระนองกับศาลากลาง

 

Comments


  • White Facebook Icon

Thanks for submitting!

© 2023 by TheHours. Proudly created with Wix.com

บริษัท บี612 วิสาหกิจเพื่อสังคม

99/16 หมู่ที่ 2 ซอยวัดลาดปลาดุก ถนนกาญจนาภิเษกตำบลบางรักพัฒนา อำเภอ บางบัวทอง 

จังหวัดนนทบุรี 11110

โทร 089-449-5695

bottom of page