top of page
Writer's pictureclassyuth

Pan’s Labyrinth (2006)

Updated: Oct 23, 2022

“ผู้บริสุทธิ์มีอำนาจ ที่ฝ่ายอธรรมไม่อาจจินตนาการถึง”

Pan’s Labyrinth (2006) “ผู้บริสุทธิ์มีอำนาจ ที่ฝ่ายอธรรมไม่อาจจินตนาการถึง” ย้อนกลับไปดูเรื่องนี้อีกครั้ง ในสถานการณ์ "เด็กท่ามกลางความขัดแย้ง กับการเลือกที่จะไม่เชื่อฟัง" สเปน ปี 1944 ห้าปีหลังสงครามกลางเมือง ที่จบลงด้วยชัยชนะของฝ่ายฟาสซิสต์เหนือฝ่ายนิยมประชาธิปไตย สเปนอยู่ภายใต้รัฐบาลทหารของนายพลฟรังโก แต่..ฝ่ายต่อต้านก็ยังคง “ต่อต้าน”.. โอฟีเลียเด็กหญิงวัย 11 ปี พยายามลี้ภัยสงครามเข้าไปในโลกเทพนิยาย เพื่อที่จะพบว่าเธออยู่ในสองโลกที่อันตรายและโหดร้ายไม่ต่างกัน พ่อซึ่งเป็นฝ่ายต่อต้านถูกทหารฟาสซิสต์ฆ่าตาย โอฟีเลียกับแม่เดินทางไปยังหน่วยในป่าลึกของฝ่ายพาสซิสต์ เพื่อที่แม่ซึ่งกำลังท้องแก่จะได้คลอด “คลอดลูกชาย” ให้กับผู้กองวิดัลสามีใหม่ ที่โอฟีเลียจะต้องเรียกพ่อและเชื่อฟังเขา ในค่ายทหารที่ดัดแปลงมาจากโรงสี มีต้นไม้ใหญ่ยืนตายและสวนเขาวงกตเก่าแก่


โอฟีเลียได้พบกับ “ฟอน” ผู้รักษาประตูทางเข้าโลกใต้ดิน ที่บอกกับเธอว่า เธอคือเจ้าหญิงแห่งเมืองใต้ดิน ที่หนีขึ้นมาเพื่อดูแสงตะวัน และหายสาปสูญไปนานแสนนาน จนลืมว่า “ตัวเองเป็นใครและมาจากไหน” พ่อของเธอกำลังรอการกลับมา และที่นี่คือประตูบานสุดท้าย แต่หากจะกลับไปยังที่ของเธอและละทิ้งความทุกข์ของชีวิตบนโลกไว้เบื้องหลัง โอฟีเลียจะต้องพิสูจน์ตัวเอง ว่าจิตวิญญาณของเจ้าหญิงยังคงอยู่ โดยการทำภาระกิจ 3 อย่าง ให้เสร็จก่อนวันพระจันทร์เต็มดวง ข้อเสนอของฟอนเป็นทางออกเดียวของโอฟีเลีย ที่ชีวิตของเธอกับแม่ที่สุขภาพอ่อนแอและน้องชายที่กำลังจะเกิดใหม่ อยู่ใต้เงื้อมมือของผู้กอง ผู้เป็นตัวแทนความโหดร้ายของทหารฟาสซิสต์ได้แบบสมบูรณ์ ชีวิตของเธอแขวนอยู่กับเส้นด้าย และยากจะจินตนาการถึง..หากแม่ของเธอตายไป เพื่อลี้ภัยไปเมืองใต้ดิน ฟอนให้เงื่อนไขว่า เธอจะต้องพิสูจน์ตัวเอง โดยเชื่อฟังและปฏิบัติตามอย่างไม่มีเงื่อนไข


ภาระกิจแรก เอา “กุญแจทอง”มาจากท้องคางคกยักษ์ ที่กัดกินแมลงอยู่ใต้รากต้นไม้ใหญ่จนต้นไม้แห้งตาย แม้จะทำสำเร็จ นั่นหมายถึงเธอเลือกที่จะขัดคำสั่งแม่ และท้าทายอำนาจของผู้กอง โลกจริงของเธอจึงอันตรายยิ่งขึ้น และในภาระกิจที่สอง ใช้กุญแจทองไขเอา “กริช” มาจากตู้ที่ Pale man เฝ้าอยู่ แม้จะได้กุญแจ แต่โอฟีเลียฝ่าฟืนคำสั่ง หยิบอาหารบนโต๊ะของ Pale man มากิน ไม่เพียงทำให้Pale man ตื่น และถูกไล่ล่า ฟอนก็ขอยกเลิกสัญญาอีกด้วย ในขณะที่แม่ของเธอคลอดลูกและตายลง ส่วน เมอร์ซิเดส แม่บ้านที่คอยช่วยเหลือ ก็ถูกจับได้ว่าเป็นฝ่ายต่อต้าน ในเวลาที่โอฟีเลียเหลือตัวคนเดียว ฟอนกลับมาให้โอกาสสุดท้ายแก่เธอ ที่จะทำภาระกิจที่สาม ขโมยน้องชายจากผู้กองและพาไปที่เขาวงกต โอฟีเลียใช้ชอล์ควาดประตูหนีจากห้องที่ถูกขัง ขโมยน้องชายอุ้มไปที่เขาวงกต ฟอนสั่งให้เธอใช้กริชฆ่าน้อง เพื่อเอาเลือด “ผู้บริสุทธิ์” เปิดประตูสู่อาณาจักรใต้ดิน ในขณะที่ผู้กองไล่ตามมาติดๆ แล้วเป็นอีกครั้ง..ที่โอฟีเลียเลือกขัดคำสั่ง... สงครามกลางเมืองสเปน ต่อด้วยรัฐฟาสซิสต์สังเวยชีวิตผู้บริสุทธิ์จำนวนมาก Guillermo del Toro ผู้กำกับควบตำแหน่งผู้เขียนบท เล่าว่า ฉากพรานล่ากระต่ายถูกขวดทุบหน้าและยิงจนตาย

มาจากเหตุการจริงที่ชาวบ้านถูกทหารฟาสซิสต์ฆ่า เพียงเพราะไม่ถอดหมวกทำความเคารพ เรื่องราวในยุคเผด็จการฟรังโก ก็เป็นอีกเรื่องที่ถูกทำให้หายไปจากประวัติศาสตร์ของสเปนในช่วงเวลาหนึ่ง ก่อนที่จะได้รับการหยิบยกขึ้นมาทบทวนในยุคหลัง สำหรับ del Toro เขาทำหนังเรื่องนี้ขึ้นมาด้วยความเชื่อว่า “ความเจ็บปวดไม่ใช่เรื่องที่ต้องขุดคุ้ย แต่ในอีกแง่ก็ไม่ควรถูกหลบเลี่ยง เพราะมีบทเรียนอยู่ในการเผชิญความยากลำบาก จากการผ่านพ้นประสบการณ์ทำนองนี้ ..ผมพบว่าความเจ็บปวดเป็นครูที่ยิ่งใหญ่” ในช่วงเวลาที่ความรุนแรงของการปราบปราม ทำให้เห็นว่า คนที่ยึดมั่นในความถูกต้อง ถูกทำให้พ่ายแพ้และไร้ความหมาย และในเวลาเช่นนั้น ทางเลือก คือสิ่งที่บอกว่าตัวตนที่แท้จริงของเราเป็นอย่างไร.. ในภาระกิจสุดท้ายโอฟีเลียเลือกสละตัวเองแทนน้องชาย แต่ในครั้งนี้กลับกลายเป็นว่า ทางเลือกนี้แสดงให้เห็นจิตวิญญาณของเจ้าหญิง และได้กลับสู่อาณาจักรที่พ่อกับแม่ที่แท้จริงรอเธออยู่ คำถามสำคัญที่เกิดขึ้นในใจของผู้ชมก็คือ ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริงหรือแค่สิ่งที่อยู่ในจินตนาการของโอฟีเลีย Del Toro ให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า เขากำหนดให้เป็นเรื่องจริง ดูได้จากชอล์คที่โอฟีเลียใช้วาดประตู วางอยู่บนโต๊ะและผู้กองหยิบขึ้นมา รวมทั้งโอฟีเลียอุ้มน้องหนีผู้กองผ่านทางตันของเขาวงกตได้ และหากดูในรายละเอียดของสี ที่กำหนดไว้สำหรับสองโลก ที่ตอนต้นสีโทนร้อน อย่างสีแดง และเหลืองอำพันเป็นของโลกจินตนาการ แยกจากโลกจริงที่จะเป็นสีโทนเย็น จนกระทั่งปลายเรื่องโลกทั้งสองค่อยๆ หลอมรวมเข้าด้วยกัน “ความจริง” ดังกล่าว ยืนยันถึง “อำนาจของผู้บริสุทธิ์ ที่ฝ่ายอธรรมไม่อาจจินตนาการถึง” อำนาจที่ว่า คืออำนาจในการสร้างตัวตนในแบบที่ปรารถนา “ไม่สำคัญว่าร่างของเธอจะอยู่หรือตาย จากร่างที่แน่นิ่งอยู่บนพื้นโลก โอฟีเลียกำเนิดตัวเองขึ้นในโลกที่เธอเชื่อ” del Toro สรุป ในโลกที่ความรุนแรงซับซ้อนซ่อนเร้น และผู้คนจำนวนมากเลือกที่จะเชื่อฟังโดยไม่ตั้งคำถาม จึงมีเพียงผู้บริสุทธิ์ที่ได้ยินเสียงของจริยธรรมในใจ และกล้าหาญพอที่จะปฏิเสธ การเชื่อฟัง ต่อกรกับปีศาจร้ายแม้ในความตาย ดอกไม้สีขาวเล็กๆ คือสิ่งที่ยืนยันการผ่านมาบนพื้นโลกของเธอ


สิ่งที่น่าเศร้าที่สุดของ Pan’ labyrinth ก็คือ หลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในโลกจริงโหดร้ายจนไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นเรื่องจริง..ยิ่งกว่าความไม่น่า เชื่อของเทพนิยาย.. (บันทึกเพิ่มเติม) วันที่ 27 มีนาคม 2564 ปัน เอ พิว เด็กหญิงอายุ 14 ปี ถูกยิงเสียชีวิตในบ้าน ขณะเปิดประตูให้ผู้ประท้วงเข้ามาหลบในบ้าน ที่เมือง เมะทีลา มัณฑะเลย์ ชื่อของเธอ ในภาษาพม่า แปลว่า ดอกไม้สีขาว แม่ของเธอเล่าว่า "ลูกสาวของฉันเป็นเด็กหน้าตาน่ารัก ตอนที่เธอคลอดออกมา เหมือนกับดอกไม้สีขาวดอกน้อยๆ..."


(ดูรายละเอียดได้ในเเว็บไวต์BBC NEWS จากhttps://www.bbc.com/thai/international-56719999? Pan's Labyrinth ผลงานการกำกับและเขียนบทของ Guillermo del Toro (The Devil’s Backbone, Hellboy, Pacific Rim, Crimson Peak, The Shape of Water etc.) ผู้แสดง โอฟีเลีย: Ivana Baquero ฟอน และ Pale man : Doug Jones ผู้กองวิดัล: (Sergi López) คาร์เมนแม่ของโอฟีเลีย: (Ariadna Gil) #PansLabyrinth #เด็กและการยึดอำนาจในพม่า #BMFH:BeforeMyFoolishHeart #สงครามกลางเมือง ภาพจาก IMDB ข้อมูล https://www.theguardian.com/.../2006/nov/05/features.review1 https://www.mentalfloss.com/.../14-fantastical-facts... https://theasc.com/.../January2007/PansLabyrinth/page1.html

1 view0 comments

Comments


bottom of page